ต้องบอกว่าที่ผมกลัวโดนด่า เพราะว่า elliott wave นั้นมักใช้เพื่อทำนายอนาคต การทำนายอนาคตนั้นแล ที่จะนำมาซึ่งคำด่า ถ้าพลาด อ้าวถ้าพลาด แล้วจะเอามาให้ตรูศึกษาทำไมฟร่ะ ตอบต่อไปอีกว่าในการเล่นหุ้นนั้น ความผิดพลาดนั้นเกิดตลอดเวลา นั้นนำมาซึ่งคำว่าการบริหารจัดการความเสี่ยง หรือที่ ฝรั่งเขาเรียกว่า Risk Management นั้นเอง รบร้อยครั้งไม่จำเป็นต้องชนะทั้งร้อยครััง ขอแค่จำกัดความเสียหายของศึกที่ปราชัย และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้มากที่สุดจาก ชัยชนะแต่ละครั้ง แค่นั้นก็ทำให้เรายืนเด่นเป็นสง่าได้แว้ววจริงไหมครับ นั้นเป็นเหตุผลว่า ถ้าผมไม่มานั่งโพส กราฟโดยใช้ Elliott Wave ทำนาย แทนที่แค่ตีเส้น Trend Line หาแนวรับแนวต้านพื้นๆ ให้พอมีจุดเล็งราคาซื้อ ราคาขาย แบบที่ทำอยู่ตอนนี้ เพราะว่าเทรนด์ไลน์ มันแทบไม่ผิด เพราะมันเป็นการกำหนดเป้าหมาย คร่าวๆ แน่นอนเราสามารถยอมรับการเบรกได้ ซึ่งต่างจาก Elliott Wave ซึ่งมักจะเป็นการทำนายแนวโน้ม ในอนาคตล่วงหน้า ซึ่งเพราะมันยังมาไม่ถึง เลยทำให้ดูเหมือนจะเป็นการโม้ ซะมากกว่า
แต่ต้องขอบอกไว้ตรงนี้ว่า Elliott Wave นั้นมีประโยชน์มาก แม้แต่ในกรณีที่มันทายผิด อ้าวเห้ยไอ้นี่ยิ่งพูดยิ่งงง ทายผิดจะมีประโยชน์ไงฟร่ะ ก็เพราะว่ามันทำให้เรามีจุดที่ระมัดระวังไงครับ ทำให้เรารูตัวว่าขณะนี้เรา ยืนอยู่ช่วงไหนของตลาด คนส่วนมากไม่รู้ตัวเลยว่าเราอยู่ตรงไหน เลยเกิดอาการ ชาวดอย กันจน "พูก ม่าย ชะ" กันหมดแล้ว
Elliott Wave มาจากไหนมีความหมายในการวิเคราะห์ยังไง
Elliott Wave ไม่ได้มาจากจินตนาการที่ไร้เหตุผล นะครับ มันบ่งบอกอารมณ์ของตลาดได้อย่างดี เมื่อใช้ร่วมกับ Indicator ตัวอื่นๆด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เรามองเห็นภาพได้ชัดเจน ว่าขณะนี้ คนในตลาด รู้สึกยังไง ใช้เงินไปกับหุ้นตัวนั้นๆถึงขั้นนี้เท่าไหร่แล้ว ราคาขณะนี้ยังมีดีมานด์ อยู่หรือไม่
ถึงเวลาเข้าเรื่อง Elliott Wave กันสักที ผมจะไม่พูดถึงประวัติของมันแล้วนะครับ ใครอยากรู้ไปหาอ่านเอาใน GOOGLE เยอะแยะ หลักการคร่าวๆ ของ Elliott Wave คือ หุ้นทุกตัวเมื่อมีขึ้นมันก็ต้องมีลงบ้าง (พักตัว หรือ Corection) เมื่อมันลงมันก็ต้องมีขึ้นบ้าง (Impulse) โดยพื้นฐาน เอาง่ายๆ Elliott Wave ก็คือคลื่น คลื่นในแบบของนาย อีเลียทนี้ จะมีลักษณะดังนี้ จากรูปด้านบน ลูกคลื่นขาขึ้น Impulse จะประกอบด้วย 5คลื่น คือ 1 2 3 4 5 หลังจากนั้นจะต้องพักตัวบ้าง คลื่นก็เหนื่อยก็หมดแรงเป็น เช่นเดียวกับ สภาพจิตใจของคนในตลาด ต้องมีคิดมีระแวงบ้างว่า มันขึ้นมาขนาดนี้แล้ว ถ้าลงนี่ตรูซวยแน่ เมื่อถึงยอดคลื่น 5 กำลังซื้อ ก็จะเริ่มน้อยลง เมื่อเทียบกับคลื่น 3 (รายละเอียดว่าดูยังไงว่ามันน้อยคนเริ่มไม่มั่นใจ เอาไว้มาว่ากันอีกทีรอบหน้า) พอคนเริ่มไม่มั่นใจก็ขายสิครับ ขายนี้ถ้าเป็นการพักตัว หรือ Corection ก็จะประกอบไปด้วยคลื่นอีก 3 คลื่น คือ A B C ตามรูปครับ ในกรณีที่กิจการของหุ้นที่เราดู ปกติดี เติบโตไปตามที่ควรจะเป็น จังหวะการขาย ABC นี้ จะถือเป็นการพักตัว คือลงไม่มากเมื่อเทียบกับ ช่วงที่มันขึ้นมาทั้งหมด เราสามารถทำนายว่ามันจะลงไปถึงไหนได้ โดยการใช้ Trend line ร่วมกับ Fibo Ret รายละเอียด แน่นอนเอาไว้รอบหน้าวันนี้มารู้จักคร่าวๆก่อน
เมื่อเราจับสัญญานได้ว่า ณ ตอนนี้ ราคาหุ้นมันขึ้นมาถึงยอดที่ 5 สภาพจิตใจ เพื่อนๆคนอื่นๆ ในตลาด กำลัง หวั่นไหว หรือ เริงร่าสุดขีด(กรณี เม่า) เราจำเป็นต้องเฝ้าระวัง หรือแม้แต่ขายเพื่อ ประกันกำไรบางส่วน ออกไป ในกรณีกลับกัน ถ้าตอนนี้หุ้นกำลังตกมาหนัก แล้วเราจับสัญญานได้ว่า ยอดคลื่น และIndicator มันไม่ไปด้วยกัน แล้ว เราก็จะได้เตรียมพร้อมในการเข้าซื้อทำรอบใหม่ ไม่ให้เสียโอกาศนั้นเอง และนี่แหละคือ ส่วนหนึ่งของการจัดการความเสี่ยง เมื่อเราเห็นว่าโอกาศและ จำนวนช่องในการทำกำไร สวยเราสามารถ พิจรณาได้ว่า มันคุ้มค่าที่จะเสี่ยงไหม ถ้าเราเข้าซื้อหุ้นหรือขายมั่วๆโดยไม่มีเป้าเลย โอกาส อยู่รอด มันก็มีน้อย เขาว่า "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะ สักเจ็ดสิบครั้งก็รวยแล้ว"
ครั้งต่อไปจะเป็นการ อธิบาย Elliott Wave จากตัวอย่างในรูปด้านบน ว่ามีวิธีการดูอย่างไร ใช้ร่วมกับระบบการเทรดของเราเองยังไง ไว้ติดตามนะครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น