วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557

วิเคราะห์กราฟเซ็ท ประจำวัน ล่าสุดมาชิดแนวต้านสำคัญแล้ว

เข้าสู่แนวต้านสำคัญแล้วครับ สำหรับ #กราฟเซท ไล่ตั้งแต่แนวต้านเทรนด์ไลน์ สีชมพูนั้น จนถึง ตรงยอดเวฟ 1 เก่าคือ 1382 เป็นจุดที่ต้องระวัง

ถ้าผ่านได้ต้องแรงจริงๆ แรงเป็นพิเศษ

ยังไงก็เริ่มระวังๆกันบ้างนะครับ ถ้เบรกค่อยตามเต็มที่

วิเคราะห์หุ้นสิริ siri ตามที่ถามกันเข้ามาครับ

#siri 
วันนี้มาไล่ดูกราฟที่เพื่อนๆเพจ ถามค้างไว้ เพื่งถามบ้าง ถามค้างไว้นานแล้วบ้างขอมาตอบตรงนี้นะครับ (ช่วงนี้ผมค่อนข้างงานเข้าครับแต่เข้ามาดูตลอด)

สำหรับSIRI ต้องบอกไว้ก่อนผมไม่รู้ว่าธุรกิจเขาจะดีหรือจะแย่ต่อไปยังไง นะครับ ที่พูดตรงนี้คืออาการของคนที่เราอ่านได้จากกราฟว่าคนในตลาดทำอะไร และ รู้สึกยังไงต่อราคา ณ ตอนนี้นะ เข้าใจตรงกันนะครับ

ในส่วนของกราฟ ถ้าราคามันลงในอัตราส่วนมากแบบนี้ แนะนำให้ทำกราฟเป็นแบบ log นะครับ เพระอัตตราส่วนของการขยับของราคามันจะเปลี่ยน(ตรงนี้สำคัญว่าจะพูดตั้งนาน แต่ขอติดค้างรายละเอียดไว้อีกรอบนะครับ)

ตั้งแต่เริ่มขาลง นับเวฟก็จะประมาณนี้ เวฟ 3 ไปจบที่fibo 100 ประมาณนั้น ตรงนี้ทำไมถึงคิดว่ามันจบเวฟ 3 ไปดูที่ กรอบสี่เหลี่ยม A นั้นครับ

ผมแยกเป็นช่วงให้ดูว่าคนเขาคิดกันยังไง ช่วง A นี้จะเป็นช่วงเทกระจาด เป็นเวฟที่ 3 จะเห็นว่า MACD พุ่ง และโวลุ่มเยอะ มันคอนเฟิร์มกัน จบตรงนี้คือคนที่อยากขายเขาขายลงไปเยอะแล้ว ในขาขึ้นเราก็จะเห็นแบบเดียวกันนี้แหละ ในเวฟ 3ของขาขึ้น macd พุ่ง โวลุ่มเยอะ แต่ทิศทางตรงกันข้ามกับขาลงแค่นั้น พฤติกรรมบ่งบอกความรุนแรงของเทรนด์เหมือนกันครับ เมื่อราคาขึ้นไปเหนือเวฟ 3 ของขาขึ้นโดยปกติเราจำเป็นต้องเริ่มระวัง เพราะคนมันซื้อไปเยอะแล้ว

และในช่วงขาลงอย่างตอนนี้ จะสังเกตุได้ที่ ช่วง B ที่ตีกรอบไว้นั้น MACD ไม่ได้พุ่งลงเพิ่มขึ้นถึงแม้ราคาจะลง นั้นแสดงว่า ราคามันเริ่มลงแบบช้าลงเรื่อยๆ คือลงแบบมีคนกล้ารับนั้นเอง การลงแบบมีคนกล้ารับ มันเป็นไง ลองไปอ่านเรื่อง divergence หรือ เรื่อง macd ในบล๊อก หรือโพสเก่าๆที่ผมเคยโพสนะครับ

ราคาลงเรื่อยๆแบบมีคนรับ และดูโวลุ่มไม่มากแบบนี้ มันเป็นเพราะอะไร ก็เพราะคนในตลาดหลักๆ เขาขายไปตั้งแต่เวฟ 3 หรือ ที่ช่วง A ก่อนนี้เยอะแล้วไงครับ ตอนนี้คนที่ขายส่วนมากก็จะเป็นรายเล็กรายน้อย ขายไปเรื่อยเปื่อยวันละนิดละหน่อย ส่วนรายใหญ่นั้นเขาได้ขายส่วนที่ควรขายจนเกลี้ยงแล้ว เขาก็รอดูว่า พวกเม่าน้อยๆทั้งหลาย ขายจนหมดแรงหรือยัง ขายจนหมดแรงเป็นยังไง ก็คือ การที่คนรอรับเริ่มมีมากกว่า คนที่ตั้งขายนั้นเอง

ตั้งขายถูกลงอีกปุ๊บโดนช้อนเก็บปั๊บ อาการแบบนี้แหละคือขายจนไม่มีของจะขายแล้ว มันเป็นdivergence ค่าเฉลี่ย และ macd มันจะไม่ลงต่ำ เพราะ ราคาไม่โดนไล่แรงเหมือนตอนที่มีของจะขาย

พอไม่มีของจะขาย จะเกิดอะไรขึ้น คำตอบมีสองอย่าง อย่างแรกวิ่งออกข้างคือมีแต่คนเล็ง ปัจจัยบวกยังไม่มาชัดเจน เจ้มือยังเก็บไม่พออะไรเทือกนั้น และอีกอย่างก็คือเริ่มขึ้น คือขายจนไม่มีคนจะขายแล้ว ก็แสดงว่ามันกลับเข้าสมดุลแล้ว คนขายคนซื้อมีจำนวนพอๆกันหรือมคนซื้อมากกว่าก็วิ่งเลย

ไม่ว่าจะในขาลงหรือในขาขึ้น พอเจออาการแบบนี้ถ้าใครอ่านเพจนี้มานาน จะรู้เลยว่าผมจะบอกบ่อยๆเลยให้วางเงื่อนไข เพื่อเข้าในขาลง หรือออกในขาขึ้น โดยปกติผมชอบใช้ เทรนด์ไลน์ หรือใครชอบเส้ม ma อื่นๆก็แล้วแต่ถนัด

ลากเส้นที่เป็นแนวต้านของเทรนด์ไลน์ไว้ ถ้ามันเบรกก็ตามไปตามแผน แต่ถ้ไม่เบรกก็ปล่อยมันไป ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร

แผนในการเข้าคืออะไร แผนนั้นคือการจัดการหน้าตัก การออกแบบไม้ที่จะเข้าของใครของมันนั้นแหละครับ

เช่น ถ้าเบรกเทรนด์ไลน์เส้นใกล้นี้เข้า 1 ไม้ ถ้าเบรกเส้นถัดไป เข้าอีกสองไม้ ถ้าต้านถัดไปไม่ผ่าน ก็จัดการเซฟตัวเองตามแต่แผนใครแผนมัน

โดยรวมของ Siri อยู่ในช่วงปลายเวฟ 5 ขาลง ถ้าทุกอย่างคอนเฟิร์มว่ามันจบเวฟ 5 แล้ว ยังต้องมีเทสอีกว่า 5 เวฟขาลงที่ผ่านมานี้เป็นเพียงเวฟย่อยของ เวฟ a ของขาลงหรือเปล่า เพราะงั้นจุดเทสจะมีอีกเยอะกว่าจะแน่ใจว่ากลับตัวจริง

ผมเคยพูดว่า siri ยังเป็นขาขึ้น คนหลายคนหัวเราะ ว่าคุณคิดได้ยังไง ราคาลงมาจาก ห้าบาทกว่า เหลือสามบาทนี่นะขาขึ้น ซึ่งผมก็อธิบายไป ว่าไม่เถียงว่า ตรงห้าบาทกว่าลงมาสามบาทนั้นเรียกว่าขาลง

แต่เทรนด์ใหญ่มีเทรนด์เล็กซ้อนอยู่ครับ ถ้าเราถอยห่างออกไปดูไกลๆ เราจะเห็นครับ เวลาดูกราฟ อย่าไปดูไทม์เฟรมเดียว ดูให้ครบ ทั้งกว้างทั้งเล็ก

สุดท้าย ลองเปิดกราฟมองภาพใหญ่ (รูปถัดไปนี้แหละ)เอากราฟสัปดาห์ก็ได้ โดยเวลาเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงแฮมเบอร์เกอร์เป็นต้นมา ราคาตอนนี้ชิดเส้นเทรนด์ไลน์แนวรับ ของ "ขาขึ้น" พอเรามองตรงนี้ เราจะเห็นว่า ที่ลงมาเยอะๆนั้น มันไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติบ้าบออะไร เพราะตอนมันขึ้นไปเยอะๆ คุณจะแกล้งลืมมันไม่ได้ ราคาไปไม่ผ่านต้านก็ลงมาเทสแนวรับ ถ้าแนวรับเอาอยู่ก็ไปต่อ เอาไม่อยู่ก็เผ่น มันมีแค่นั้น

เทรนด์ใหญ่มีเทรนด์เล็กซ่อนอยู่ เทรนด์เล็กก็มีเทรนด์ที่เล็กกว่าซ่อนอยู่ครับ

วิเคราะห์หุ้น advanc

#advanc ช่วงนี้หลังไมค์ ของหุ้นที่ตกเป็นข่าวเกี่ยวกับการเมืองเข้ามาถี่ คิดว่าการเมืองจะทำให้มันลงไปแค่ไหนเยอะไหมมีคำแนะนำยังไง

มาเช็คกราฟแล้วก็คิดว่าถ้าที่ลงตอนนี้ของ advanc มันเกี่ยวกับการเมือง ก็ถือว่ามันเหมาะเจาะมาก(โดยส่วนตัวผมไม่สนข่าวและคิดว่ามันไม่เกี่ยวกันหรือถ้าเกี่ยวก็น้อยมาก เฉพาะรายย่อยแค่นั้น) ในกราฟแสดงให้เห็นว่ามันชนต้านพอดี พอชนไม่ผ่านมันก็ย่อแค่นั้นเอง เราเห็นอาการแบบนี้ในทุกสิน้าตามตำราเป๊ะ จึงทำให้ไม่คิดว่าที่ราคาลงมานี้มันเกี่ยวกับข่าวที่ว่ามันเป็นของทักษินสักนิด

ส่วนแนวรับตอนนี้คือ 200 ตรงราคานี้จะมีขนาดเป็น การย่อ 61.8% ของขนาดที่ขึ้นมาจาก 5iii - 5iv ถ้าตรงนี้ไม่หลุดจะตีว่าจบเวฟ 5 แล้วเตรียมเป็นขาขึ้นก็ได้โดยแนวต้านก็จะไปอยู่ที่แถวๆ 222 แต่ถ้าหลุด ก็มีสิทธิ์ ลงไปถึงทำนิวโลว์

ซึ่งถ้าถึง นิวโลว์ ดู macd ดีๆ ถ้าไม่เกลียดทักษินมากจนเกินไปก็ถือว่าน่าจับตามองนะ มีโอกาสเกิด divergence ในระดับวันได้



จังหวะของมันก็สอดคล้องกันกับเซท โครงกราฟ set กับ advanc หรือหุ้นตัวนำตลาดอีกหลายๆตัว แทบจะเหมือนกัน
(ซึ่งก็แน่อยู่แล้วเพราะมันเป็นกลุ่มนำตลาด)


#true ก็วิ่งตามกรอบของมันมาเป็นเดือนแล้ว ไม่มีอะไรแปลกไปกว่านั้น
ส่วน #intuch เหมือน น้าแอด เปี๊ยบ

เพราะงั้นน่าจะใช้เครื่องมือเดิม คิดคล้ายๆเดิม ใครชอบพื้นฐานก็ดูไปแนวเดิม ใครชอบ เทคนิค ก็เดิมไปตามปกติ

ข่าวฟังบ้างก็ดี แต่อย่าเอามันมาเป็นตัวตัดสิน น่าจะปลอดภัยกว่า

#dtac ก็ไม่มีอะไรต่างกับ advanc มากนัก แค่เพิ่งถึงต้านและกำลังเทสแนวต้านนี้ ถ้าไม่ผ่านก็คงจะไปในทำนองเดียวกันกับ advanc

bitcoin จะเกิดจริงเหรอ ถ้ามันจะล่มจะล่มเพราะอะไร ลองมาอ่านกัน

มีคำถามหลังไมค์มาเรื่อง bitcoin มาลองอ่านกันแบบบ้านๆ เอาแบบว่าถ้ามันจะเกิดสิ่งที่มันต้องมีน่าจะมีอะไรบ้าง

อันนี้เอาสั้นๆก่อน 

ถามว่า เทียบกับเงินปกติ พี่ว่ามันมั่นคงไหม อนาคตมีโอกาสเอามาใช้จริงป่าว
ตอบว่า เรื่องอนาคตมีโอกาสเอามาใช้จริงไหมนี้ไม่ฟันธง ถ้าโลกมนุษย์ ในอนคตกลายเป็นสถานที่ในฝันแบบ โอลิมเปีย อะไรแบบนั้นก็คงเป็นไปได้ เลย ด้วยเพราะข้อจำกัดมันมีเยอะอยู่ เช่น bitcoin มีสินค้ารูปแบบอื่นค้ำประกันเหมือนเงินปกติไหม เงินปกติอาจจะมี ทอง รัฐประเทศ ธุรกิจ หรือแม้แต่ระเบิดนิวเครียร์ ค้ำประกัน ว่าถ้าเงินปกติเจ็ง สิ่งค้ำประกันพวกนี้ยังพอจะทำให้เราอุ่นใจว่าจะมีการชดใช้บ้างจริงไหม นั้นคือเหตุผลที่เงินปกติมีชีวิต เพราะความเชื่อมั่นล้วนๆ เชื่อมั่นในสิ่งค้ำประกันนั้นมาก เงินสกุลนั้นก็มีค่าแบบพื้นฐานกว้างๆมากหน่อย ถ้าเชื่อมั่นในสิ่งค้ำประกันของเงินสกุลนั้นๆน้อย ค่าแบบพื้นฐานกว้างๆของมันก็จะน้อยลงตามไปด้วยนั้นเอง ส่วน bitcoin มีอะไรแบบนี้หรือไม่อันนี้ลองคิดต่อเองครับ

ถามว่า น่าเล่นไหมครับ
ตอบว่า แล้วแต่มุมมองของเราต่อมัน ถ้าจะเอามาเก็บตอนนี้ ผมว่ามันคงยังไม่ใช่อะไรที่เสี่ยงน้อย โอเค วันหน้ามันอาจจะมีอะไรบางอย่างทำให้มันถูกยอมรับอย่างกว้างขวางก็เป็นได้ แต่มันคืออะไรที่ "อาจจะ" คำว่า "อาจจะ" นี้มันบรรทุกความเสี่ยงไว้ครับ ถ้าคุณจะเล่น คุณควรบริหารคำว่า "อาจจะ" นี้ให้ดีๆ

ถามว่า พี่ว่ากราฟมันเหมือนหุ้นไหม
ตอบว่า อะไรที่มีการเก็งกำไร แล้วเอามาพล๊อตกราฟ มันก็เหมือนกันหมด bitcoin ก็ไม่ได้ยกเว้น ลองไปหาชาร์ทราคาของ bitcoin มาดูสิ เทส ไฮสองครั้งแล้วกำลังตก นั้นหมายความว่า คนได้ซื้อไปเยอะแล้ว ความต้องการน้อยลงก็ลงมาเป็นเวฟ 1-5 ซึ่งตั้งสมมุติฐานว่าอาจจะเป็นเวฟ a ของขาลงเหมือนกันเปี๊ยบกับการเก็งกำไรสินค้าอื่นๆ สาเหตุที่เหมือน เพราะว่า มันคือ การเก็งกำไรเพียวๆ ยิ่งเก็งกำไรมากแค่ไหน มันยิ่งเหมือนกันมากเท่านั้น

กิเลศของมนุษย์ ไม่ว่าจะซับซ้อนหรือผ่านพ้นไปนานแค่ไหน มันก็ยังมีหน้าตาท่าทางเหมือนเดิม มันทำซ้ำๆแบบเดิม แต่เปลี่ยนแค่สถานที่เวลา และตัวที่ถูกมันกระทำเท่านั้น

มนุษยมีสองส่วน
ส่วนที่หนึ่ง ศึกษามองเห็นแล้วว่ามันเป็นยังไงแล้วหาประโยชน์จากมัน
ส่วนที่สอง ไม่สนฟ้าสนดิน ก้มหน้าก้มตาให้กิเลศเล่นงานครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเลย

เป็นมนุษย์ ส่วนที่หนึ่ง กันนะ

ผลกระทบต่อพวกเราทุกคน จากการเปลี่ยนแปลงทางการเกษตรของไทยในอนาคคต ตอน 2

ผลกระทบต่อพวกเราทุกคน จากการเปลี่ยนแปลงทางการเกษตรของไทยในอนาคคต ตอน 2

จากตอนแรกผมพูดถึง การเข้ามาของกลุ่มทุนเกษตร และการทำทุกอย่างแบบครบวงจร จนแทบไม่เหลือช่องว่างให้ เกษตรกรรายย่อยเลย ซึ่งอ่านเล่นๆก่อนได้ที่นี้ http://thaitraderblog.blogspot.com/2014/03/1.html

ตอนนี้ขอว่าต่อโดยทำนาย(เดา) จากสิ่งที่เป็นในตอนนี้ ว่าอนาคตเกษตรกรไทยจะเป็นอย่างไ

1 จากการที่กลุ่มทุนเกษตรทุ่มทำทุกอย่างเองครบวงจร ตั้งแต่เพาะพันธุ์ ยันแปรรูปขั้นสุดท้าย รวมถึงขายปลีกขายส่งเองหมด อันนี้จะทำให้เกษตรกรรายย่อยหาที่แทรกไม่ได้เลย คำว่าไม่ได้เลยนี้คือไม่ได้จริงๆ คือปลูกผักมาก็ต้นทุนสูงแล้ว จะเอาไปขายในตลาดสดก็สู้ห้างขายผักไม่ไหว วันหน้ามันจะมีไปทุกมุมถนน เยอะยิ่งกว่าตลาดสดเทศบาลแน่ๆ ข้อนี้เดี๋ยวมันจะโยงมาถึงพวกเราที่ไม่ใช่เกษตรกรครับ

2 จากเหตุผลข้อแรก เกษตรกรไทยจะแทบไม่มีวันพัฒนาการผลิตไปมากกว่านี้ได้เลย คือผลิตมาก็ขายสู้เขาไม่ได้ ยิ่งทำมันยิ่งหมดไปกับต้นทุนที่สูงขึ้น คนจะไปพัฒนาอะไรได้ยังไง ต่างคนต่างทำ มันไม่เหมือนกลุ่มทุนเกษตร ที่เขาทำกันทีใหญ่ๆ ลงทุนพัฒนาอะไรไปมันก็คุ้ม มันก็ยิ่งได้ต้นทุนที่ถูก ดังนั้นเกษตรกรไทย จะถอยหลังไปเรื่อยๆ ผลผลิตที่ได้ก็ถอยหลัง

3 จากสองข้อแรก คนเกษตรกรกลุ่มหนึ่งก็คงต้องแก้ปัญหาด้วยการไปเป็นลูกจ้างกลุ่มทุนเกษตร ส่วนอีกกลุ่มก็จะยังดันทุรังทำต่อ(กลุ่มนี้ก็จะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับพวกเราอีกแล้ว)กลุ่มสุดท้าย เลิกทำไปหางานอย่างอื่นทำดีกว่า

4 จากเกษตรกรที่ยังดันทุรังทำต่อไปในข้อสาม และผนวกกับเหตุผลจากข้อแรก คือดันทุรังทำขาดทุนๆไป ขายสู้กลุ่มทุนเกษตรก็ไม่ได้ เกษตรกรไทยที่เหลือยังทำเกษตรอยู่จริงๆกลุ่มนี้จะกลายเป็นอะไรประเภท เอาหอมเน่ามาเทปิดถนน เอาหมูเอาเป็ดมาฆ่าหน้าสภา เอาไข่มาปากำแพงบ้านนายก เพื่อเรียกร้องเงินช่วยเหลือเฉพาะหน้า

ไม่กี่ครั้งแรกมันก็ยังเป็นเงินเฉพาะหน้าอยู่ ไอ้หลายๆครั้งเข้า มันคืออะไรในแบบที่เรียกว่าทำเป็นประเพณี คือนอกจากเพาะปลูกเก็บเกี่ยว ส่งขายเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ยังต้องทำอีกอันสุดท้ายให้จบตามประเพณีคือ ต้องไปประท้วงเอาเงินช่วยเหลือ (โดยที่เงินช่วยเหลือนี้ไม่ได้ทำให้เรียนรู้และแก้ไขปัญหา)

ทีนี้ก็ได้เกิดช่องสวยๆสำหรับพรรคการเมืองหัวใส ที่เห็นช่องว่างตรงนี้ เป็นโอกาสให้ได้ใช้หาเสียงสนับสนุน

(ตรงส่วนข้างล่างนี้ไม่ได้มีเจตนาว่าพรรคการเมืองไหนแบบเจาะจงจริงๆนะครับ คือในความคิดเห็นส่วนตัวผมคิดว่าในอนาคต ไม่ว่าพรรคไหน มันจะคิดกันแบบนี้ทั้งนั้น)

สิ่งที่พรรคการเมืองจะทำก็คือ สัญญาว่าจะให้ในสิ่งที่เกษตรกรอยากได้(ซึ่งปกติก็ประท้วงเอาแต่คราวนี้ไม่ต้อง) โดยที่สิ่งที่พรรคการเมืองให้ต้องไม่ไปแก้ปัญหาตรงนี้ให้หมดไป(เน้นว่าต้องไม่ใช่การแก้ปัญหา ต้องไม่ทำแบบยั่งยืน คือจ่ายแล้วจบ พอเลือกตั้งครั้งต่อไป ก็เอาไปต่อรองแลกเสียงคะแนนอีกที) เพราะถ้าปัญหาตรงนี้หมดไปนักการเมืองจะเอามุขไหนมาแลกเสียงอีกล่ะ

การทำแบบนี้มันจะเข้าวงจรอุบาท ที่ผมบอกว่ามันเกี่ยวกับเราทุกคนคือ แทนที่เงินภาษีจากทุกๆคนในประเทศ ที่เก็บไปจะเอาไปใช้ทำอะไรได้อีกเยอะแยะ หรือว่าเอาไปแก้ปัญหาเกษตรแบบตรงประเด็นเลยได้

แต่ว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะทำ เขาจะเอาเงินภาษีของทุกๆคนในประเทศไปเลี้ยงไข้เกษตรกร เพื่อที่จะเอาไว้ต่อรองคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง

เรื่องทั้งหมดนี้จึงสรุปมาได้ประมานนี้

กลุ่มทุนเกษตร --> กดเกษตรกรให้แย่ --> นักการเมืองเลี้ยงไข้เอาคะแนนเสียง --> พอได้คะแนนเสียงก็เอาไปแลกกับเงินสนับสนุน --> กลุ่มทุนเกษตร

วงจรอุบาทนี้เบียดเบียนเอาภาษีจากพวกเราทุกคนไปใช้เพื่อให้มันยังหมุนยังวิ่งอยู่ได้

วิธีการแก้ปัญหามันคงต้องใช้ความเข้าใจและจริงใจอย่างเดียว

ประเทศมันดูมืดมนนะครับ ในสถานการณ์ตอนนี้ ต้องทำความเข้าใจกัน

เกษตรกรไม่ใช่คนอื่น เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้มันแย่ และเราทุกคนควรเข้าใจและร่วมมือกันครับ

เวลานั่งดูหุ้นก็สังเกตเห็นว่ามีโวลุ่ม ตั้งสั่งซื้อเข้ามาเยอะ ทำไมสุดท้ายแล้วราคามันลง

มักมีคนถามผมว่า เวลานั่งดูหุ้นก็สังเกตเห็นว่ามีโวลุ่ม ตั้งสั่งซื้อเข้ามาเยอะ ทำไมสุดท้ายแล้วราคามันลง หรือมีแต่โวลุ่มสั่งขาย แต่ทำไมอยู่ๆก็พุ่งขึ้น

ถามไปถามมาได้ความว่านั่งจ้อง ช่องโวลุ่ม bid offer ในสตรีมมิ่ง 

ถ้าแบบนี้คงต้องบอกว่ามันมาวัดไรได้น้อยและเต็มไปด้วยกลลวง ถ้าจะดูโวลุ่ม ให้ไปดูโวลุ่มที่ซื้อขายกันแล้วจริง ดูในกราฟนั้นจะยิ่งเห็นชัดเพราะมันวิ่งไปด้วยกันกับราคาต่างๆที่เกิดขึ้น

ตรงช่องโวลุ่มในสตรีมมิ่งนี่เจ้าเอาไว้หลอกเม่า ตั้งซื้อไว้เยอะๆ ไว้หลอกขาย ตั้งขายไว้หลายๆไว้หลอกเอาของ ยากที่จะเดา มันเป็นเสียงปี่เสียงกลองชั้นดีเลยเอาไว้กระตุ้นเม่า ไปดูของจริงที่มีการซื้อขายแล้วจะช่วยได้มากกว่า

การมองแต่สตรีมมิ่งมันเหมือนมองเกมส์แบบคลุกฝุ่นบนเวทีเลย มันไม่เห็นภาพจริงภาพกว้าง ถ้าเอาแค่นี้มาตัดสินใจซื้อขาย บอกได้เลยว่า "เม่าของแท้"

วิเคราะห์กราฟ set และ set50

#กราฟเซท ตรงยอดเวฟ 1 แถวๆ 1382 นั้นเป็นต้านที่สำคัญต้านสุดท้าย ถ้าไปถึง ระวังๆหน่อย ถ้าเบรกเลยก็ดูจะเป็นอะไรที่ผิดธรรมชาติ ถ้าเบรกลองดู ฝรั่งให้ดีๆว่าเขาเอาไงเขาเอาด้วยไหม ถ้ายังไม่ได้เอาด้วยเหมือนเดิม อาจจะต้องระวังกันนิด คนไทยดันกันเองจะไปได้ถึงไหนไม่รู้

#set50 ยังพอมีแรงในระยะสั้นนี้ เทสต้านแถว 905 นี่แหละครับ

สวัสดีวันมาฆบูชา ถึงจะช้าไปหนึ่งวันแต่ยังดีกว่าไม่มา (เมื่อวานวุ่นไปนิดหนึ่งครับ)

สวัสดีวันมาฆบูชา ถึงจะช้าไปหนึ่งวันแต่ยังดีกว่าไม่มา (เมื่อวานวุ่นไปนิดหนึ่งครับ)

วันมาฆบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมโอวาทปาติโมกข์ เป็นธรรมมะที่บอกถึง
1 วิธีการเข้าถึงพระธรรมให้แก่พระสงฆ์ 
2 วิธีการเข้าถึงพระธรรมให้แก่คนทั่วไป
3 วิธีการเผยแพร่คำสอนที่ดีให้แก่พระสงฆ์

รายละเอียดมากกว่านั้นเป็นยังไงผู้สนใจลองหากันเองข้อมูลมีเยอะแยะครับในอินเตอร์เนต

อยากฝากถึงทุกท่านในวันนี้คือการแปลความของคำว่า ศาสนาในสังคมไทย คำๆนี้มาจาก ภาษาสันสกฤต มีความหมายถึงคำสั่งสอน หรือข้อปฏิบัติ ดังนั้นในบริบทของพุทธศาสนาของไทยนั้น ที่จริงแล้วศาสนาคือคำสอนหลักปฏิบัติที่เราสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อเป้าหมายให้เกิดความสุขความเจริญในชีวิต

ซึ่งทั้งนี้เราจับคู่ความหมายของคำว่า "ศาสนา" กับคำว่า "Religion" ว่ามีความหมายเดียวกัน ซึ่งพื้นฐานที่แท้จริงไม่ได้ตรงกันนัก คำว่า Religion นี้มีพื้นที่สันนิษฐานกันว่ามาจากคำว่า relation ความสัมพันธ์ ความเชื่อมต่อ กับพระเจ้านั้นเอง

ศาสนา จึงคือหลักปฏิบัติ ส่วน Religion เน้นไปที่การศรัทธา ทั้งนี้ไม่ได้ผิดหรือมีข้อห้ามอะไรถ้าคุณจะนับถือศาสนาพุทธ และศรัทธาไปด้วย

แต่ในแก่นแล้วถ้าคุณต้องการศึกษาธรรมะของพุทธ คุณอาจจะลองเน้นศึกษา ตั้งคำถาม ถกเถียงกับผู้รู้ ถึงข้อปฏิบัติ แบบนี้จะได้ผลดี มากกว่าที่คุณจะเชื่อเลยศรัทธาในพุทธ โดยยังไม่ได้พยายามทำความเข้าใจกับหลักปฏิบัติ

เขียนมายืดยาวสิ่งที่จะชี้ให้เห็นคือ ตอนนี้ในสังคมเราชาวพุทธ มักเข้าใจผิด เอาคำว่า Religion มาใช้เพียงอย่างเดียว คือฉันเชื่ออย่างเดียว พอเชื่อโดยที่ไม่ได้ใช้ปัญญาคิดวิเคราะห์ในตัวของข้อปฏิบัติที่เป็นธรรมะนั้นจริงๆแล้ว เราจึงเห็นความงมงาย และการบิดเบือนที่ถ้าใช้สามัญสำนึกธรรมดาก็รู้ว่ามันไม่ปกติธรรมชาติเกิดขึ้นมากมาย

นี้คือต้นกำเนิด ของคนแบบ เณรคำ หรือคนอื่นๆที่เคยเกิดขึ้นมาแล้

สุดท้ายนี้
แม้แต่การจะเข้าใจข้อปฏิบัติในธรรมะนั้นให้ได้จริงๆยังต้องตั้งข้อสงสัยแล้วถกเถียงหาเหตุผลเพื่อให้เราเข้าใจ ถ้าไม่ตั้งข้อสงสัยเชื่อเถอะพุทธ ไม่เกิด
นับประสาอะไรในโลกการลงทุนละครับ ไม่มีใครที่ควรจะพูดอะไรแล้วเราก็เชื่อหมดได้เลย

ในโลกนี้ไม่มีเทพที่จะผิดไม่ได้ ในการลงทุนมีไอดอลที่เราศรัทธานั้นไม่ผิด แต่จะผิดมากๆ ถ้าคุณเชื่อเขาโดยไม่ตั้งคำถามไม่คิดวิเคราะห์เลย

ถ้าคุณใช้แต่ศรัทธาต่อไอดอล ถึงสิ่งที่เขาบอกนั้นจะเป็นเรื่องจริง แต่คุณจะไม่มีทางเอาไปใช้เป็น เพราะคุณแค่เชื่อ คุณไม่ได้เข้าใจ

ในโลกของการลงทุน สิ่งที่ต้องมีนอกเหนือ ศรัทธา คือ ปัญญาอีกอันครับ ทั้งสองอันนี้ถ้าทำงานด้วยกัน คุณจะแกร่ง คุณจะเจริญ

ข้อให้เจริญขึ้นยิ่งไปครับทุกท่าน จากใจ Thai Trader

ผลกระทบต่อพวกเราทุกคน จากการเปลี่ยนแปลงทางการเกษตรของไทยในอนาคต ตอนที่ 1

ผลกระทบต่อพวกเราทุกคน จากการเปลี่ยนแปลงทางการเกษตรของไทยในอนาคต

ในอนาคตอันไม่ไกลนี้การเกษตรของไทยคงจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ยิ่งเมื่อ AEC เปิดเรียบร้อยแล้วจะมีกลุ่มทุน สิงคโปร์ มาเลย์ เข้ามาลงทุนการเกษตรเพิ่มขึ้นอีกมาก 

แม้ไม่ได้เข้ามาลงทุนในเมืองไทยโดยตรง แต่สินค้าเกษตรของอาเซียน ก็ขึ้นกับกลุ่มทุนเหล่านี้ทั้งสิ้น ถ้าท่านไปเที่ยว ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา ท่านจะเจอโครงการเกษตรขนาดใหญ่โตมโหฬาร ไม่ใช่แค่ร้อยไร่พันไร่ เรียกได้ว่าเป็นหมื่นๆแสนๆไร่กันเลย

เมื่อถามความกับคนขับรถพาเที่ยว เขาก็จะบอกว่านี่สวนยางของคนเกาหลี ถ้ดจากตรงนี้เป็นไร่กาแฟของคนเวียดนาม ข้ามแม่น้ำไปทางโน้นจะเจอไร่มันของคนสิงคโปร์ โผล่ออกซอยนั้นไปเป็นไร่อ้อยของคนมาเลย์ โน้นทุ่งข้าวของแขกอาหรับ ทางโน้นนั้นแหละครับไร่ข้าวโพดคนไทย ของซีพีอะไรสักอย่างนี่แหละ

สิ้นค้าเกษตรพวกนี้มันจ่อรอเป็นคู่แข่งกับสินค้าเกษตรไทยทั้งนั้น คนไทยปลูกข้าวได้ คนพม่า เวียดนาม ก็ปลูกได้ ถ้าเราไม่หลอกตัวเองจนเกินไป ข้าวที่ได้รางวัลคุณภาพช่วงหลังๆก็ไม่ใช่ข้าวไทยเรานะครับ

ยิ่งไปกว่านั้น ผลผลิตต่อไร่ของเขาไปไกลกว่าเราเยอะเลย เวียดนามนี้ไปไกลไม่เห็นฝุ่น เรามักอ้างว่าเราได้ข้าวน้อยเพราะเราปลูกข้าวคุณภาพ อร่อยกว่าข้าวพวกนั้น แต่ขอโทษเถอะครับ ข้าวไม่ใช่คาเวียร์ ข้าว(ที่เราคิดว่า)ดีนั้นมันไม่ได้ราคาต่างมากมายอะไรกับข้าวคนอื่น

1. กลุ่มทุนพวกนี้เงินหนาทำทีเป็นหมื่นเป็นแสนไร่ จึงลงทุนกับเครื่องมือและการวิจัยแล้วมันคุ้ม ยิ่งลงทุนยิ่งได้ต้นทุนที่ถูกลง ดังนั้นจึงขายของได้ถูกมาก
2. กลุ่มทุนพวกนี้ทำเองตั้งแต่วิจัยเมล็ดพันธุ์ เพาะปลูกให้ปุ๋ย เก็บเกี่ยว แปรรูป ขายส่งไปตามห้างค้าส่ง ขายปลีกไปตามร้านสะดวกซื้อ ส่งออกไปเมืองนอก ทั้งหมดนี้ทำได้โดยทุนกลุ่มเดียวที่คุณก็รู้ว่าใคร ทุกวันนี้แม้แต่ผัดกระเพราคุณก็หาซื้อกินได้ตามร้านสะดวกซื้อ (ถึงแม้จะเป็นกระเพราผีดิบรสชาติอุบาทก็เถอะ)

ทั้ง 2 ข้อที่ยกมาจะชี้ให้เห็นว่า ในอนาคตคนไทยไชโยของเราจะมีปัญหาใหญ่อย่างนึ่งที่แก้ไม่ได้ปัญหานี้เกิดจากอะไรไว้เดี๋ยวมาต่อ

วัฒนธรรมประหลาดของเราคนไทย อยากกินมะพร้าวดันไปขึ้นต้นมะขาม

อยากกินมะพร้าวดันไปขึ้นต้นมะขาม 
มีหุ้นตัวหนึ่งบัตรเครดิตอะไรประมานนั้น ตอนงบออกเมื่อปีหรือสองปีก่อนผมจำไม่ค่อยได้ งบออกขาดทุนแต่หุ้นขึ้นพรวดๆ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า งบขาดทุนเพราะ กันเงินไว้ไปทำอะไรสักอย่าง อะไรประมานนั้น บอกตรงๆผมไม่ค่อยเข้าใจหรอก(เพราะไม่เคยได้คลุกคลีอยู่ในธุรกิจนี้ เขากันเงินไปทำอะไรแล้วมันดีกับธุรกิจยังไง ผมมองไม่ออก) 

จึงได้บอกไปว่า ผมเชื่อว่าหุ้นขึ้นเพราะคนอยากซื้อแค่นั้นแหละ บริษัทจะเจ็งหรือจะรุ่งในอนาคตไม่มีใครรู้ แม้แต่ ผู้บริหารก็บอกชัวร์ๆไม่ได้หรอก

ถึงบริษัทจะเจ๊งถ้ามีอะไรสักอย่างมากระตุ้นให้คนอยากซื้อหุ้นแบบนี้มันก็ขึ้น แล้วถึงบริษัทมันจะรุ่งแต่ถ้ามีคนทำให้มีกระแสในตลาดแย่ๆ สักอย่าง คนก็อยากขาย หุ้นมันก็ลง มันมีแค่นั้นแหละ

ถ้าเราไม่ปลอบใจตัวเองมากไป เหตุผลที่หามาอธิบายว่าหุ้นขึ้นเพราะนั้นนี่ทั้งที่งบขาดทุน ผมคิดว่าหลอกตัวเอง

พูดจบปุ๊บรู้เลยว่าเขาต้องคิดว่าเรา กวนทีน

(ความคิดเห็นส่วนตัว)การวิ่งของราคามันเก็งกำไรทั้งนั้น ใช่อยู่วันหนึ่งถ้าธุรกิจดีๆ ฐานของราคาหุ้นแบบกว้างๆ ต้องเลื่อนไปตามผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นๆ แต่เวลาปกติหุ้นพุ่งๆขึ้นไปนั้น เขารอหรือพยายามทำให้คนหาเหตุมาอธิบายผลนี่แหละ แล้วจึงพาไปอยู่ดอยกัน ยิ่งไปดูกราฟจะยิ่งเห็นชัด มันมีจังหว่ะทางเทคนิคให้เห็นเยอะเลย

ถึงผมไม่รู้ว่าธุรกิจบัตรเครดิตเขาทำกันยังไง นอกจากจะโทรมาถามขายให้ลูกค้าวันเว้นวันแล้ว ผมคิดเอาเองว่าพวกนี้ต้องมีนักเทรดเก่งๆคุม พวกบริษัทการเงิน นี้มันตัวกลั่นทั้งนั้น เขี้ยวลากดิน

มาถึงตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าเหตุผลที่ว่าบริษัทเขากันเงินไปทำอะไรสักอย่างที่ว่านั้น ไปทำอะไรอีท่าไหน ราคามันถึงลงมา เกือบครึ่ง เงินที่กันไปนั้นไม่ทำให้ธุรกิจดีแล้วหรือไง

ตอนนี้ราคาลงมาใกล้จุดน่าจับตาทางเทคนิคเรื่อยๆ แต่เชื่อผมเถอะ คนที่คิดว่าตอนนั้นมันขึ้นเพราะเขากันเงินไปทำอะไรสักอย่างไม่รู้ ผมคิดว่าตอนนี้เขาไม่กล้าจับตาหุ้นตัวนั้นอีก

เขาจะจับอีกทีตอนที่หุ้นวิ่งแล้วมีคนพยายามทำให้คนในตลาดหาเหตุมาประกอบผลอีกนั้นแหละ คราวนี้จะเป็นเหตุผลไหนแปลกเท่าเดิมหรือไม่ก็ว่ากันไปอีกเหมือนเดิม

แน่นอนถ้าดูผลประกอบการ เพื่อจับตาการทำผลตอบแทนของธุรกิจมันก็อีก เรื่องราคาไปตามพื้นฐานอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่ซีเรียสในรายละเอียดการขึ้นรอบสั้นกลาง มันก็ไม่มีปัญหา

ถ้าอัตรากำไรหรือการเจริญเติบโตไม่เปลี่ยนก็ไม่จำเป็นต้องเครียด แต่ถ้าจับตาดูราคาอยู่ถ้าเราคาเปลี่ยนแล้วเครียด มันไม่ค่อยมีเหตุผลที่จะปฏิเสธเครื่องมือช่วยจับตา

อันนี้คือสิ่งที่ผมคิดเอาเองว่าการหวังอย่างหนึ่งแล้วไปทำอีกอย่างมันค่อยไม่เมกเซนซ์นะ

อยากกินมะพร้าวไปขึ้นต้นมะขาม อยากกินไก่ดันไปฆ่าเป็ด อยากเก็งกำไรไปเอาข่าวมาตัดสินใจ อะไรแบบนั้น

การใช้ ฟิโบนัคซิ fibonucci มันใช้ยังไง และทำไมมันถึงเชื่อได้

มีคำถามคาดคั้นจากเพื่อนฝูง ถึงการใช้ ฟิโบนัคซิ fibonucci มันใช้ยังไง และทำไมมันถึงเชื่อได้ (คือถ้าพูดแบบเพื่อนฝูงกันก็คือ ทำไมกูต้องเชื่อว่ามันได้ผล)

คำตอบคือ มันเชื่อไปเลยไม่ได้นะ ถ้าหวังว่าจะใช้มันเป็นจุดตัดสินใจเข้าซื้อ หรือขายเลยน่ะ แกเชื่อมันเท่ากับแกเดาสุ่ม แต่ยังดีหน่อยที่แกสุ่มแบบมีขอบเขต อาจจะฟลุ๊คถูก เหมือนการลากเส้น fibo retracement จาก สูงสุดไปต่ำสุด ที่สงสัยกันมากว่าบางทีชนก็เด้งจริงบางที่ก็ไม่เด้ง

ถ้าอยากใช้ได้ผล อยากรู้ว่าเส้นไหนเราควรให้ค่าให้น้ำหนักมันมาก มันต้องใช้อย่างอื่นด้วย

ฟิโบนัคซิมันเป็นจุดที่คนใช้ในการระวังเนื่องจากเริ่มแรกเลยมันเป็นสิ่งที่มนุษย์สังเกตุธรรมชาติ และได้ผลลัพธ์เป็นสัดสวนนี้ในหลายๆสิ่ง แล้วเชื่อว่าเมื่อเรารับรู้สิ่งต่างๆที่เป็นสัดส่วนนี้ แล้วมันจะส่งผลต่อจิตใจไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ยกตัวอย่างนะ

สัดส่วนของคน ไม่ว่าใบหน้าหรือแขนขา สำหรับคนที่พวกเราคิดกันว่าสวยหล่อ หุ่นดี ไปจนถึงเหมาะสำหรับเป็นพ่อเป็นแม่ของลูก คือเห็นแล้วรู้สึกว่ามีพันธุกรรมดีนั้น พอไปวัดแล้วมันได้สัดส่วนกว้างยาวในแบบฟิโบนัคซี่

ส่วนคนที่ผิดสัดส่วนไปนั้น เราเห็นแล้วรู้สึกหนักใจมากกว่าจะสบายตา

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสิ่งอย่างนับไม่หมดไม่ถ้วนในธรรมชาติ ในจักรวาลนี้เลยด้วยซ้ำ การเรียงตัวกันของเกสรดอกไม้ ปกติเรียงแบบฟิโบนัคซี่ เราจะเห็นมันสวยงามน่ามองสบายใจ ถ้ามีดอกไหนมีเกสรเกินมาสักแถวสักเม็ด เราจะรู้สึกเลยว่าดอกนี้มันไม่ปกติ อาจจะเป็นดอกพิการหรืออะไรก็แล้วแต่ซึ่งทำให้เราไม่สบาย

ในราคาหุ้น เราใช้มันร่วมกับ elliott wave ใช้ยังไง ง่ายๆอย่าไปคิดมาก ใช้ดูว่าถ้าเวฟ 1 มีขนาดเท่านี้ แล้วเวฟ 2 ได้ขนาดเท่านี้ ในเวฟ 3 มีจุดไหนบ้างที่ไปถึงแล้ว คนจะยังสบายใจกับมันอยู่ ไม่ใช่สบายใจกับรูปกราฟนะ สบายใจกับ ผลกำไรที่จะได้เมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่ราคามันได้วิ่งขึ้นมาแล้ว ในขาลงก็เช่นกัน ราคามันลงมาจนถึงจุดที่โดนใจแล้ว มันต้องเริ่มหยุดเพื่อเทสว่าจะลงอีกไหม

ดังนั้นเวลาที่ราคาไปถึงจุด ฟิโบนัคซิที่สำคัญ เมื่อวัดจากเวฟที่เป็นต้นทุน มันต้องมีการเทส ว่ายังไปต่อไหม ดังนั้นเวลาราคาไปชน มันต้องมีอาการออก ไม่ว่า ชนแล้วหยุดหรือย่อ ในขาขึ้นที่ไปชนแนวต้าน หรือไปชนแล้วหยุดหรือเด้ง ในขาลงที่ไปชนแนวรับ

มันต้องหาความมั่นใจก่อนทั้งนั้น!

มีทุนเท่านี้ ถ้าราคามันขึ้นไปถึงตรงนี้ มันจะยังสบายใจหรือ เริ่มไม่สบายใจที่จะถือหรือยัง คือสิ่งที่เป็นต้นเหตุผลเดียวกันกับที่เรา เห็นคนหน้าตาสมส่วน fibo แล้วรู้สึกว่าสวยหล่อสบายใจสบายตาที่จะมอง แล้วพอไปเห็นคนหน้าตาเบี้ยวๆบิดๆ แล้วรู้สึกถึงความผิดปกติ ไม่เป็นธรรมชาติ ของคนเรานั้นแหละ

ทุนของคนที่มีผลกับตลาดมักอยู่ที่เวฟแรกๆทั้งนั้น แต่อาจจะเป็นเวฟแรกๆของเวฟ สาม หรือของเวฟ ห้า หรือเวฟ หนึ่ง ก็แล้วแต่แผนแต่ไม้ ที่เขาเข้า มันจะมีเวลาที่เขาสบายใจที่จะถือรอดูอยู่ทั้งนั้น

คำถามต่อไป ถือรอดูอะไร ?
ก่อนจะตอบคำถามนี้ เราขอถามนายว่า มนุษย์ทุกคนต้องแต่งงานกับคนที่หน้าตาสวยหล่อ และเชื่อว่าคนสวยหล่อนั้นๆ เป็นคนดีที่น่าอยู่ด้วยไหม คำตอบคือไม่ใช่ไหมละ

มันมีอะไรหลายอย่างที่เราต้องดูด้วยจากคนสวยคนหล่อพวกนั้น นายคงไม่อยากแต่งงานกับคนสวยแบบลำยองหรอกจริงไหม

แต่นายปฏิเสธไม่ได้ที่เดินผ่านลำยองแล้วต้องเหลียวหลังมอง และคิดว่าถ้าเขาเป็นภรรยาจริงก็คงดี ใช่หรือไม่

อย่างที่บอกไปแต่แรก ฟิโบนัคซิเป็นจุดใช้ระวังเป็นจุดที่เห็นแล้วต้องหยุดดูว่างั้นเหอะ การระวังนี้เราระวังอะไร ก็ระวังรอดูคนอื่นไงว่าเขาคิดยังไง ไปเจอต้านนี้แล้วไม่ค่อยมีคนไล่ซื้อแล้วก็คงต้องเริ่มวางแผนปล่อย หรือไปถึงรับนี้แล้วไม่ค่อยมีคนไล่ขายแล้วก็คงต้องเริ่มวางแผนซื้อในทางตรงกันข้ามนั้นเอง

การดูว่าคนอื่นคิดไง อันนี้ก็ไปดูเรื่องโมเมนตั้ม (ไม่อธิบายตรงนี้หาอ่านดูครับช่วงนี้เขียนเรื่องนี้เยอะมากไล่ๆลงไปดูยังไม่มีเวลาเอาลงบล๊อกสักที)

จะเห็นว่าจะแต่งงานกับสาวงามก็ยังต้องดูนิสัย จะเลือกซื้อขายหุ้นราคางามๆ ก็ยังต้องดูแรงดูสถานการณ์ประกอ

และเราก็เตือนนายๆเพื่อนในเพจเราแบบความหวังดีของเพื่อน เวลาศึกษาหรือ่านหนังสือ อย่าเพิ่งเชื่อ และยิ่งอย่าเพิ่งเชื่อแบบสิ้นเชิงถ้านายยังเพียงแต่แค่ฟังเขามา ไม่ว่าคนที่บอกจะยิ่งใหญ่เป็นเทพเจ้ามาจากไหน มันไม่ได้การันตีว่าสิ่งที่เขาทำหรือพูดนั้น "จะใช้ได้ผลกับนายด้วย" ให้นายใช้เวลาศึกษา จนมันคิดได้เป็นคำ เป็นนิยามจากปากนายเอง

นั้นแหละมันคือสมองนายย่อย องค์ความรู้แล้ว ถึงตอนนี้ จะไม่ต้องมีใครมาบอกนายว่านั้นถูกหรือผิด เพราะมันไม่สำคัญเลย แต่สิ่งที่นายจะได้ นายจะรู้ว่านายต้องใช้อะไรเวลาไหน เหมือนนักมวยไทย เขาไม่ได้คิดหรอกว่าพอเข้าวงในต้องกอดคอตีเข่า มันมาอัตโนมัติ จากการฝึกฝนและการเรียนรู้จนองค์ความรู้โดนย่อยเป็นหนึ่งเดียวพร้อมใช้แล้ว

ไอ้พี่เลี้ยงข้างล่างเวทีก็แหกปากไปงั้นแหละ นักมวยบนเวทีไม่ได้ยินหรอก ให้สอนข้างเวทีแบบแหกปากเสียงดังแค่ไหน ถ้านักมวยไม่ฝึกมาดีมันไม่รอดหรอก

เมื่อไปถึงตรงนั้นนายจะเห็นว่าตำรา หนังสือ หรือ สิ่งที่เขาว่า มักมีความตลกจำนวนมากแฝงอยู่

สุดท้าย เราถามนายบ้าง นายงงตรงนี้มากี่ปีละ
ตอบ ก็เป็นปีๆแล้วละเพื่อน เราไม่ค่อยมีเวลาศึกษาเหมือนนายเลย
งั้นเราแนะนำให้นายให้เวลากับมันศึกษามันโดยเอาเวลาที่ งง มา 1 ปีนั้น คูณด้วยตัวเลข 32.8% 61.8% 1.618% 2.618%...... ไปเรื่อยๆจนกว่านายจะพอใจและสบายใจที่ยังศึกษาอยู่

วันนั้นนายอาจจะพบอะไรบางอย่าง ว่าโมเมนตั้มของความอยากรู้ของนายไม่เคยลดลงเลย ยิ่งไปไกลยิ่งรู้สึกว่าไม่รู้ แล้วมันก็จะยิ่งอยากรู้เพื่อนเอ๋ย

การใช้กราฟที่มีสเกลแบบ linear หรือ log แตกต่างกันอย่างไรอันไหนควรใช้ตอนไหน

การใช้กราฟที่มีสเกลแบบ linear หรือ log แตกต่างกันอย่างไรอันไหนควรใช้ตอนไหน อันนี้ไม่ค่อยมีคนพูดถึง ที่จริงเป็นเรื่องสำคัญมาก

โปรยไว้ก่อนว่า รายะจาก 1-20 กับ ระยะจาก 100-120 มีระยะเท่ากัน แต่ความหมายเป็นเปอร์เซนต์ไม่เท่ากัน

ดังนั้นการตั้งค่ากราฟ จะต่างกันตามแต่ช่วงนั้นๆเมื่อเทียบกับอีกช่วงหนึ่งห่างกันอย่างไร

ไว้เดี๋ยวว่างแล้วจะมาเขียนละเอียดครับ

ความสัมพันธ์กันของเงินบาทกับเซท แบบไม่ต้องดูราคา ดูแรงมันอย่างเดียว

อันนี้บอกไว้ก่อนเป็นมุมมองของคนที่คิดอิงว่าทุกอย่างมันคือการเก็งกำไร ไม่ได้คิดว่าการที่หุ้นขึ้นพรวดพราดหรือลงฮวบๆ ในช่วงสองสามปีนี้คือ เศรษฐกิจเมืองไทยมันดีขึ้น หรือแย่ลงแล้ว คิดในแง่ที่ว่าราคาพวกนั้นไม่ว่าขึ้นหรือลงคือเก็งกำไรล้วนๆ ดังนั้น เมื่ออ่านไปแล้วก็เอาไปหารไปลบ ออกตามแต่ทัศนคติรวมๆที่ท่านมีต่อตลาดของใครของมันนะครับ


ความสัมพันธ์กันของเงินบาทกับเซท แบบไม่ต้องดูราคา ดูแรงมันอย่างเดียว ดูแบบนี้เพื่อให้เห็นลักษณะการเดินของมัน และ ช่วยให้โดนราคาหลอกได้น้อยลง จะเห็นว่ามันแปลผกผันกันแบบเห็นได้ชัด ในอัตรส่วนที่ใกล้เคียงกัน

ค่าเงินไม่ได้มีแต่ฝรั่งที่เล่น แต่พวกคนที่เล่นมีส่วนผลกับทิศทางของราคามากกว่ารายย่อยทั่วไป

นั้นคือส่วนที่ชี้ให้เห็นว่า

1 เพราะเรามีฝรั่ง การเก็งกำไรค่าเงินบาททั้งจากฝรั่งและคนอื่นๆ กับ การเก็งกำไรเซท จึงสัมพันธ์กันแบบแทบแยกไม่ออก

2 ถ้ายอมรับว่าข้อ 1 มีเค้าความจริง งั้นก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องจับตาค่าเงินบาทถ้าเล็งหุ้นอยู่ หรือถ้าเล็งเงินบาทอยู่ก็คงต้องจับตาหุ้นไปด้วย

3 ถ้าเราคิดว่า ตอนนี้เงินไปอยู่ที่สินค้าตัวไหน เราก็อาจจะให้สินค้าตัวนั้นเป็นตัวหลักที่ต้องจับตา เพราะถ้าเขาพอแล้วจากสินค้าตัวนั้น คือมันยากที่จะไปต่อแล้ว เขาก็คงต้องโยกเงินไปที่สินค้าอีกตัวที่น่าสนใจกว่า (และสำหรับสินค้าตัวต่อไปนั้นมันอาจจะเป็นหุ้นไทยหรือไม่ก็ได้)

เช่นช่วงที่ผ่านมา เงินมันออกจากหุ้น และดูเหมือน ว่ามันไปอยู่ที่เงิน us ซึ่งทำให้เงินบาทอ่อน ดังนั้นถ้าค่าเงินยังไปไม่ถึงจุดที่มั่นใจมากๆว่าต้องกลับตัว เซทก็คงยังหวังยากว่ากลับตัวเลยด้วยเหมือนกัน

ถ้าสมมุติว่ามีรอบขาขึ้นรอบต่อไปของเซทหลังจากนี้จริง จะยิ่งเป็นช่วงที่จะต้องจับตามองเงินบาทอย่าให้คลาดสายตา เพราะว่าค่าเงินบาท มันจะแข็งไปกว่านั้นได้ลำบากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าช่องทำกำไรมันแคบลงเรื่อยๆ ทั้งจากเงินบาท และเซท มันอาจจะกลับทางกันแบบสมบูรณ์ คือประมาณว่าตอนนั้นเงินบาทอ่อนยาว เซทก็ลงยาว แล้วมันก็วนไปเกิดช่องใหม่ให้เก็งกำไรอีกที

สมัยก่อนนานมากๆแล้วคนคนหนึ่งเกิดมาอาจจะได้เจอรอบใหญ่แค่รอบสองรอบ

โลกนี้เปลี่ยนไปแล้ว มันเร็วขึ้นมากนะครับ เมื่อก่อนรอบอาจจะใช้เวลานานตั้งแต่เริ่มจนจบ แต่ทุกวันนี้เทคโนโลยีมันไปไกล อะไรๆมันเร็วขึ้นรอบมันเลยเร็ว คำสั่งแค่คลิกเดียวมันก็ไปทั่วโลกแล้ว

และเทคโนโลยีนี่แหละจะยิ่งทำให้โลกนี้เป็นโลกของการเก็งกำไรยิ่งขึ้นเรื่อยๆ(อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวไร้ซึ่งเหตุผลอันไดรองรับ)

ถ้าอยู่ในเกมส์แล้วไม่คิดไม่สังเกตุแล้วแปลกใจ หรือตั้งข้อสงสัย อันไดเลย อาจจะอยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ ครับ

ไม่มีตำราเล่มไหนวิเศษเท่ากับความขี้สงสัยของเราเอง

จบห้วนๆ ไหมละ 5555