วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ใครเคยอ่านหนังสือ หุ้นห่านทองคำ อาจจะเคยเห็นตัวอย่างหุ้นที่เขาเอามาแกะงบ วิเคราะห์หนี้ทุน และหาราคาที่เหมาะสม ตัวหนึ่ง ตอนนั้นผมเดาว่าน่าจะเป็นหุ้นตัวนี้ (ในหนังสือเขาเขียนเป็นตัวย่อ)
   

พูดถึงหนังสือ ผมว่าเป็นหนังสือที่ดีนะ มีหลายแบบด้วย หุ้นห่านทองคำ คนที่อยากหาคอนเซป ในการเช็คพื้นฐานบริษัท ผมก็แนะนำให้ไปหามาสักเล่ม

(ผมเริ่มศึกษาพื้นฐานก่อน แต่มาจบที่เทคนิคคอล เพราะคิดว่าตัวเองเหมาะสมกับบมันมากกว่า)

กลับเข้ามาที่หุ้นตัว kcar นี้ช่วงก่อนถือว่าเป็นหุ้นที่ เป็นห่านทองคำจริงๆ ปันผลแจ่มเลย สินทรัพย์รวมต่อรายได้สูงมาก และก็สามารถทำกำไรสิบกว่าเปอร์เซ็นต์จากรายได้ทั้งหมด

ตอนแฮมเบอร์เกอร์ราคาอยู่แถวๆ เกือบ 4 บาท หลังจากนั้นขึ้นมาเรื่อยๆ
ราคาแถวๆ 8-10 บาทนี้ เป็นจุดจับตาเข้าที่ดี

แน่นอนว่าราคาที่ตกมาจากยอดดอยนั้น มีผลประกอบการที่ขยายตัวน้อยลงเป็นเหตุด้วย และผมก็ไม่รู้พื้นฐานเชิงลึกของมัน

สำหรับใครที่ศึกษาพื้นฐานหุ้นตัวนี้แล้ว คิดว่าบริษัทมันไม่เจ้ง หรือมีเหตุผลอื่นที่สามารถยอมรับได้ที่ทำให้การเติบโตของกำไรช้าลง

ราคาที่ 8-10 เป็นช่วงราคาที่น่าจับตามอง แต่ถ้าหลุด 8 นี้ต้องระวังมากๆเพราะมันเข้าไปถึงเนื้อของคนที่เข้าตั้งแต่รอบก่อนโน้นนครับ



เพิ่มเติมความเห็นของคุณ 
NUI STOCKs DIARY เคยนั่งศึกษาตัวนี้คร่าวๆครับ...ได้รับผลกระทบจากยอดขายรถคันแรกของรัฐบาล รถเช่าชะลอตัว...และ ซ้ำที่ราคารถมือ 2 ตกลงด้วย...(บ.มีกำไรบางส่วนจากการขายรถเช่าที่ปลดประจำการ) ..... เรียกว่าสะท้อนผลประกอบการที่ชะลอลง...และ โวลุ่มการเทรด ค่อนข้างน้อย ทำให้ราคาขึ้นลงในน % ที่มาก......ส่วนตอนนี้ ยังไม่ได้ update อะไรเพิ่มครับ ไม่รู้ว่าจะฟื้นมั๊ย

สอนดูกราฟแบบบ้านๆ แบบไม่เอาเวฟ ไม่เอาเทรนด์ไลน์ ไม่เอาอะไรทางเทคนิคคอล มากมาย

สอนดูกราฟแบบบ้านๆ แบบไม่เอาเวฟ ไม่เอาเทรนด์ไลน์ ไม่เอาอะไรทางเทคนิคคอล มากมาย

เอาแค่ดูข้อมูลราคา มาดูมาประกอบการตัดสินใจกันแค่นั้นนะครับ

ตัวอย่างนี้จะเป็นหุ้น thai ให้สังเกตุเส้นประสีขาวนั้น ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ราคาอยู่เหนือเส้นนี้ตลอด ราคาลงมาเทสที่ราคาตอนนี้เป็นครั้งที่ 6 ในรอบ 4 ปี 19 ปีที่ผ่านมา ราคาลงมาตรงนี้ประมาน 8 ครั้ง(ครั้งนี้หมายถึงช่วงเวลานะครับ)

แน่นอนว่า 5 ครั้งที่ผ่านมานั้นมาแตะแล้วไม่เคยหลุด นับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์มา ราคาเคยหลุดเส้นขาวนั้นลงไปครั้งเดียว ก็ตรงวงกลมสีแดง ช่วง แฮมเบอร์เกอร์ เป็นเวลา ทั้งหมดประมาณ 9 เดือนที่ราคาอยู่ในโซนนั้น(ต่ำกว่า 16 บาท)

และราคาต่ำสุด อยู่แถวๆ 6 บาท

ผมไม่รู้ข้อมูลพื่นฐานแบบลึกๆอะไร ของหุ้นตัวนี้ มันมีการแตกการอะไรยังไง ธุรกิจจะเจ้งหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้ คุณ ลองไปศึกษากันเองนะครับ



ถ้าคุณศึกษาแล้วถ้าเห็นว่ามันจะไม่เจ๊ง และอาจจะขยายตัวได้อีก หรืออะไรก็แล้วแต่ ราคาตอนนี้ ถือว่ามีไม่บ่อย

นี้เป็นวิธีการเอาข้อมูลจากกราฟมาใช้ แบบไม่ต้องสนวิชาเทคนิคคอล ไม่ต้องมีเวฟมีแรง ดูแค่ภาพกว้างๆว่าลักษณะ ราคามันเป็นยังไง ตอนราคาต่ำๆ ตอนนั้น เราก็ไปเช็คว่าเกิดเหตุการณ์อะไรมันถึงต่ำ

ถ้าเทียบกับตอนนี้มันคุ้มไหมที่จะเข้า

ผมว่าเอาแค่นี้ แล้วถือยาวๆ ไม่เทรดแบบเทคนิคคอล ถ้าคุมตัวเองได้ คุณก็มีโอกาสชนะแล้วนะ

เตือนสติคนไทย กับเหตุการณ์ร้ายๆทุเรศๆ ทางการเมือง

ถ้า efin มีข้อมูลกราฟของ politic ก็คงดีหน่อยจะได้เห็นภาพชัดๆ มองเทรนด์มองโมเมนตั้มกันได้

แต่เราไม่มีนะครับ ตอนนี้ข่าวมั่วข่าวจริงผสมปนเป กันหมด ข่าวที่มีคนสร้างอันตรายต่อคนเสพไม่ว่า ทางการเมือง หรือการลงทุน

ตอนนี้ถ้าเป็นไปได้ ขอให้มองที่ปัจจัยพื้นฐาน มูลค่าที่แท้จริงคืออะไร มองและคิดให้ออก

ลมหายใจของคุณ คัทลอสไม่ได้นะครับ มันคือมูลค่าของชีวิตคุณ

อะไรมีค่าจริงๆ ขอให้คิดดีๆเสียงปี่เสียงกลองมันทำให้เราคึก จนบางทีลืมนึกถึงผลที่ตามมาถ้าพลาด

เตือนกันแบบบ้านๆไม่อุดมการณ์ไม่อะไรแล้วละ ลมหายใจคุณไม่ได้มีค่าแต่เฉพาะตัวคุณเอง คนใกล้ตัวจะแย่ไปด้วยถ้าคุณพลาด

สรุปความจากหนังสารคดีเรื่อง inside job part 3 (จบ)นะครับ

มาต่อกันเรื่อง

ในก่อนหน้านี้ ได้รู้กันแล้วว่าสินค้า อนุพันธ์หนี้ ที่เป็นต้นกำเนิด ของปัญหานี้มีที่มายังไง แล้วอะไรทำให้อนุพันธ์หนี้นี้ เกิดปัญหา สามารถย้อนไปอ่าน
part 1 ได้ที่ :  inside job part 1
part 2 ได้ที่ :  inside job part 2

ใน part นี้น่าจะเป็น part สุดท้าย จะพูดถึง ตัวละครอีกตัวคือ AIG ที่มาทำประกันให้กับอนุพันธ์ หนี้ และจะสรุป พร้อมกับ เสนอแง่มุมปลายเปิดให้ไปลองคิดกันต่อ ว่า การสมคบคิด ของกลุ่มต่างๆ มันมีจริงไหม ครับ

เข้าเรื่องที่ AIG เลย ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1919 ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน (ข้อมูลจาก wiki) ไม่ต้องอึ้งไปผมก็เพิ่งรู้ 555

หลังจากนั้นย้ายออกจากจีนหลัง ประธานเหมา เรืองอำนาจ บริษัท AIG ทำธุรกิจทางการเงินหลายรูปแบบ ที่เด่นสุด คือประกันภัย ประกันมันทุกอย่างครับ

ก้าวพลาดสำคัญของ AIG ที่จะพูดถึงคือ การให้ทำประกัน กับ CDO หรืออนุพันธ์หนี้ ที่เราพูดกันมาตั้งแต่คราวก่อน

ก็ไม่รู้พี่แกคิดไง อาจจะเชื่อบริษัท จัดเรตติ้ง มากไปหน่อย เพราะบริษัทพวกนี้ ให้เรตติ้ง อนุุพันธ์หนี้ จากคนที่ไม่มีวินัยทางการเงิน(subprime) สูงลิ่ว (ตรงนี้ถ้าไม่เห็นภาพให้ไปอ่าน part 2)

ประกันอนุพันธ์หนี้ ที่ AIG เปืดให้บริการนี้ ใครจะซื้อก็ได้ ถึงคุณไม่ได้มี อนุพันธ์หนี้ในมือ คุณก็ซื้อประกัน ได้ จะยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ

มีบ้านหลังหนึ่งของใครไม่รู้ ตั้งอยู่แถวๆที่เขาชอบไปประท้วงกัน คุณเล็งเห็นแล้วว่า บ้านหลังนี้เสี่ยงโดนคนประท้วงมาเผา

ในกรณีปกติ มันก็ไม่ใช่เรื่องของคุณ เพราะคุณจะไปซื้อประกันและเอาประกันให้บ้านใครไม่รู้ คงไม่ใช่เรื่อง

แต่เรื่องนี้คุณสามารถทำได้ เมื่อเห็นว่าบ้านหลังนั้นเสี่ยงโดนเผาแน่ๆ คุณหรือใครที่คิดเหมือนคุณ ก็แห่กันซื้อประกันบ้านหลังนี้ได้เลย เพราะงั้น บ้านหลังนี้จะมีคนถือกรมธรรประกันอยู่จำนวนมาก

ไอ้ตอนที่คนยังไม่ไปเผานี้มันก็แจ่มสิ AIG รับเงินเละจากคนที่ซื้อประกัน ค่าคอมมิสชั่นกระจาย รวยกันถ่วนหน้า แต่พอบ้านหลังนี้โดนไฟไหม้ขึ้นมา อันนี้ละ เรื่องใหญ่ เพราะคุณต้องจ่ายเงินประกัน ให้คนที่ซื้อ ตั้งกี่คนละ ปกติ จ่ายให้เจ้าของบ้านคนเดียวก็แย่แล้ว แต่กรณีนี้คนอีกจำนวนมากที่ซื้อประกันและ AIG ต้องจ่าย

กลับเข้ามาที่ประกันอนุพันธ์หนี้ก็จะเหมือนกับตัวอย่างที่ยกมา ใครๆก็ซื้อได้ เพราะงั้นเมื่อ คนไม่มีปัญญาจ่ายหนี้ อนุพันธ์หนี้ที่เอามาเก็งกำไรก็ราคาตก AIG เอ๋ยเวลาซวยของคุณก็ได้มาถึงแล้วครับ

หมดส่วนประกันอนุพันธ์หนี้ ไว้เท่านี้ ต่อไปไปดูว่า พวกวานิชธนกิจ พอเจอประกันอนุพันธ์หนี้ และเริ่มเห็นว่า ตัวเองมี อนุพันธ์หนี้ เยอะ และมันกำลังจะแย่ พวกเขาจะทำยังไงกัน ตอนนี้นี้หล่ะ ท่านจะได้เห็นความโหดหน้าเลือดของพวกพ่อค้าโบรกเกอร์พวกนี้

สัญญานอันตรายมันเริ่มที่บริษัทใหญ่ๆของอเมริกัน เริ่มสั่นคลอนครับ พวก GM อะไรเหล่านี้ เขาจ้างงานเยอะในอเมริกา พอธุรกิจไม่ดี คนงานก็ต้องปลดสิครับ ผนวกกับกระแสการย้ายฐานการผลิต ไปจีน คนงานเลยตกงานจำนวนมาก

พอคนตกงานจำนวนมาก พวกลูกหนี้ที่ไม่ค่อยมีวินัย(subprime) ก็เริ่มไม่จ่ายหนี้ พอไม่จ่ายหนี้บ้านที่ซื้อไว้ก็ต้องถูกยึด พอถูกยึดทีนี้บ้านเหลือเพียบ ในตลาดละครับ

พอบ้านเหลือเพียบ พวกคนรวยที่มีบ้านอยู่แล้วแต่ซื้อบ้านอีกเพื่อเก็งกำไรก็ซวยสิครับ พวกนี้ไม่มีปัญหาจ่ายหนี้หรอกแต่เก็งกำไรไว้ พอบ้านราคาตกก็ขาดทุนติดดอยบ้านกันยกใหญ่ ปัญหาใหญ่โตมโหรารได้เกิดเกิดแล้วกับ "หนี้"

แล้วอนุพันธ์หนี้ ที่ใช้วัตถุดิบในการผลิตคือ หนี้ จะเหลือหรือครับ ราคาก็พุ่งหลาวลง และจะลงแบบโอเวอร์ด้วย เพราะมันเป็นกระดาษ ไม่มีพื้นฐานรองรับเหมือนบ้านหรือหุ้น การแห่ขายจนแทบจะให้ฟรีจึงเกิดขึ้นนับแต่นั้น

พวกวานิชธนกิจ goldman sachs เอย merrill lynch เอยพวกนี้แสบ พอเห็นท่าไม่ดี ก็เริ่มทะยอยขาย อนุพันธ์หุ้นออกให้ลูกค้า โดยไม่ได้บอกถึงปัญหาที่กำลังเกิด

เท่านี้ยังไม่พอ พี่แกขายอนุพันธ์หนี้เน่าให้ลูกค้าแล้ว พี่แกยังไปซื้อประกัน จาก AIG อีกด้วย เพื่อเอากำไรอีกดอก

เรียกว่าขายของให้ลูกค้าแล้วยังแทงฝั่งตรงข้ามกับลูกค้าอีก จรรยาบงจรรยาบรรณไม่ต้องพูดถึง

นี้เป็นสิ่งทีเราต้องสังเกตุให้ดี โลกของความโลภ ไม่มีปราณีเห็นใจ ทำเลวแค่ไหนสุดท้ายคนพวกนี้ก็ไม่ได้โดนโทษอะไรมากมาย

กลต. ของอเมริกา ได้ทำการสืบสวนพวกนี้แต่จะไปหวังให้ลงโทษทั่วถึงนี่เป็นไปได้ยาก สุดท้ายแล้วต้องเอาเงินภาษีไปอุดหนุนให้พวก วานิชธนกิจ ธนาคาร ประกันอีก ด้วยซ้ำ

พวกนี้ก็ยังไม่สำนึก ได้เงินอุดหนุนมาเอาไปแจกโบนัสกันอีกเพียบ ทั้งที่ปัญหาเกิดมาจากตัวเองแท้ๆ น่าสงสารคนอเมริกันไหมละครับ

สรุป เรื่องนี้ เมื่อผู้บริหารใหญ่ของวอลสตรีท ได้โอกาสไปทำงานในตำแหน่งใหญ่ๆ ในรัฐสภา และ fed การผ่อนคลายกฏต่างๆตามที่พวก วอลสตรีทต้องการเลยทำได้ง่ายๆ

เมื่อคุณสร้างผลิตภัณฑ์ออกมาขายได้ง่ายๆแบบแทบไม่ได้ลงทุนอะไร ก็ฟันกำไรฟรีๆ แถมคนคุมยังเป็นพวกเดียวกันอีก กฏระเบียบอะไรไม่ต้องยึดกัน ความโลภเป็นที่ตั้ง ปั่นของเก๊ ออกมาขายเอากำไรกันใหญ่

สุดท้ายเมื่อความจริงปรากฏ คนรับกรรมคือ บรรดาชาวบ้านตาดำๆที่จ่ายเงินเข้ากองทุน กองทุนเอาไปลงทุนต่อในของเก๊พวกนี้

ชาวบ้านอเมริกัน ที่ต้องตกงาน ไร้บ้าน ออกไปนอนเต๊น เงินบำนาญที่ออมมาในกองทุน ก็ไปเสียทิ้งเฉยๆในเกมส์ครั้งนี้ คนอเมริกันโดนปล้นเงิน ส่วนคนปล้น โดนแกล้งจับไก่มาเชือดให้คนดู ตัวสองตัว ส่วนที่เหลือเสวยสุขบนความทุกข์ของเพื่อนร่วมชาติสบายใจเฉิบ

คนไทยเราไม่ใช่ชาติเดียวที่เพื่อนร่วมชาติเอาเปรียบครับ ของประเทศอื่นๆก็มีและมันซับซ้อนกว่าจนน่าเหลือเชื่อเหลือเกิน

***บริษัทจัดเรตติ้งร่วมมือกับ วานิชธนกิจ การันตีสินค้าเน่าอย่างอนุพันธ์หนี้ของคนที่ไม่มีวินัยในการใช้หนี้ หรือไม่อันนี้ไปจับความแล้วคิดเอาเอง

***คนใหญ่คนโตของรัฐ รู้เห็นเป็นใจกับ พวกวานิชธนกิจเลยปล่อยให้เขาทำอะไรก็ได้จริงหรือเปล่า อันนี้ก็ไปคิดต่อกันเอง

***บริษัทประกันอย่าง AIG หลงระเริงไปกับกำไร จนลืมคิดและบริหารความเสี่ยงอย่างที่ควรจะเป็น จนทำบริษัทพบกับวิกฤติหนัก เป็นตัวอย่างให้นักลงทุนทุกคนต้องคิดเอาเป็นเยี่ยง

อย่าหลงจนไม่ลืมหูลืมตาเห็นอะไรก็ง่ายไปหมด "อย่าง" AIG

สุดท้าย ถ้าคุณคิดว่าประเทศที่มีการบังคับใช้กฏหมายดีๆแบบอเมริกา ยังมีเรื่องแบบนี้เกิดได้ ในเมืองไทยที่ใครอยากจะทำอะไรก็ทำถ้ามีเส้นมีอำนาจ จะทำสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นได้ด้วยไหม ไปลองคิดดู

ส่วนอันนี้คิดให้มากกกกกกกกกครับ บ้านเราเกิดมาหลายรอบ แต่คนไทยเราโยนความผิดให้คนอื่น ถ้ามีเวลาว่างๆเดี๋ยวจะมีเขียนมาเขี่ยประเด็นต้มยำกุ้ง ที่ซึ่งผมคิดว่าคนไทยเรา "ด่าผิดคน"

ผู้ร้ายไม่ใช่ "จอร์จ โซรอส"
ไอ้ผู้ร้ายตัวจริงคือ ......
ไว้มีโอกาสจะมาเขียนถึงอย่าลืมติดตามกันครับ หุหุ

แนะนำสำหรับคนที่อยากฝึกตีกราฟลองไปใช้ Meta trader 4 ครับ

ใครอยากฝึกตีกราฟ อ่านเวฟ อ่านโมเมนตั้ม แนะนำให้ไปเปิดแอคเค้าเดโมซึ่งเปิดได้ฟรีๆ ตามเว็บ ให้บริการฟอร์เร็ก forex ทั่วไป แล้วโหลดโปรแกรม  Meta trader 4 ซึ่งเป็นโปรแกรมดูกราฟ และวางออเดอร์
   

แนะนำว่าเอามาดูกราฟอย่างเดียว เพราะว่าสินค้าพวกค่าเงิน พวกนี้ กราฟจะทำทรงเร็วและละเอียดมาก เวฟจะมีให้ศึกษาตลอด ตั้งแต่ time frame day ยันนาที ไม่ต้องรอไม่ต้องหารูปแบบนานเหมือนในหุ้นไทยเราครับ

เอาแอคเค้าท์เดโม่มาไว้ใช้ศึกษากราฟฟรีๆกันครับ ของฟรี ใช้เพื่อนการศึกษา ใครมันมือก็เทรดเงินปลอมในแอคเค้าท์เดโม่นั้นแหละไปก่อน

ส่วนคำเตือน ถ้ายังไม่เชี่ยวหรือเพิ่งศึกษา อย่าไปเพิ่งไปเปิดแอคเค้าท์จริงแล้วเทรดเงินจริง เพราะผมเอาหัวเป็นประกัน จะฟลุ๊กได้ประมานสามสี่ครั้ง หลังจากนั้นรับรองเจ๊ง(เจ็งแล leverage ไม่เหมือนเจ๊งหุ้นนะครับ มันเอาเงินในพอร์ทไปหมดเลยหุหุ)

ยิ่งตีกราฟบ่อยมันยิ่งรู้ทรง ภาพมันจะติดในสมอง เห็นปุ๊บจินตนาการออกเลยว่าอยู่ตรงไหนยังไง ผมแนะนำให้ตีทุกวัน วันละกราฟสองกราฟ สิบกราฟ ยี่สิบกราฟแล้วแต่ว่าจะมีเวลา แต่ขอให้ได้ตีทุกวัน มันเป็นการฝึกครับ ยิ่งทำยิ่งคล่องยิ่งเข้าใจเร็ว

วันนี้คุณตีกราฟหรือยัง อย่าลืมเตือนตัวเองด้วยคำนี้ทุกวัน

มาดูกราฟราคาหุ้น เทียบกับ วิกฤติต่างๆทางการเมืองที่ผ่านมา ว่ามันน่ากลัวจริงเหรอครับ

อันนี้คือภาพรวมของวิกฤตจริง และ วิกฤตคิดไปเอง เราลองสังเกตุกันดูว่า อะไรที่จะพาความชิบหายจริงเข้ามา ใช่ม๊อบใช่การเมืองหรือเปล่า

ถ้าปล่อยอารมณ์พาไปเราจะไม่เห็นภาพ ไม่รู้ตัว เราเสพข่าว เสพความกลัวตลอด แล้วคิดเอาเองจับนั้นผสมนี้ ตามข่าวให้มา แล้วสรุปเอาเลยห้วนๆว่า วิกฤติแล้วโว้ย

เงินจะออกจริง ต้องเพราะฝรั่งเอากลับ ไม่ว่ากำไรแล้ว(ซึ่งเมื่อกำไรอยู่ก็ไม่รู้จะเอากลับไปทำไมอันนี้ไม่ค่อยมี) หรือที่บ้านเขากำลังมีปัญหาต้องดึงเงินกลับ(อันนี้แหละชัด คนมันจำเป็นต้องใช้ มันถึงได้ดึงกลับ) มันขึ้นอยู่กับนโยบายหลักข้างนอก ไม่ได้ขึ้นกับนโยบายการเมืองไทยเป็นหลัก

ยกเว้นช่วง วงกลมสีน้ำเงินนั้น มันเปลี่ยนนโยบายการเงิน ถ้าไม่ชักขากลับจริง ก็ไม่รู้สภาพจะเป็นยังไงเหมือนกัน หุหุ

ส่วนการเมืองนี้ดูภาพกว้างแล้วจะเห็นว่ากะโหลกกะลามาก เผาสนามบิน เผาเมือง ยังไม่เจ๊งเท่าแฮมเบอร์เกอร์ก้อนเดียวเลยครับ

เห็นเช่นนี้แล้ว สิ่งที่ย้ำตลอดอย่าไปเอาข่าวมาคิดเลย วันนี้ต่างชาติเชื่อมั่นการเมือง พรุ่งนี้ต่างชาติกังวลม๊อบ ว่ากันไปเรื่อยเปื่อย

ไปว่าไปจับตากันที่ไอ้ตัวละครหลักเลยว่ามันจะเปลี่ยนอะไรไหม

ตอนนี้บอกตรงๆ ถ้าค่าเงินสุดกราฟแล้วไม่ย่อกลับมา สถาบันช่วยซื้อช่วยดันยังไง ก็อย่าไปห้าวเข้าเอาคอไปพาดเขียง แต่พอกราฟมันบอกอีกอย่าง สมมุติฐานตรงกันข้ามนั้นได้รับการพิสูจน์แล้ว ก็อย่าไปมัวแต่กลัวกับข่าวที่มันไม่ได้ส่งผลจริงๆกับตลาดครับ

สุดท้าย เพื่อให้คนที่ยังไม่ได้สนใจ หรือเพิ่งเริ่มสนใจ เทคนิคคอลเข้ามาดูแล้วเข้าใจตรงกัน ต้องเน้นอีกทีว่า ราคาไม่ได้ทำนายอนาคต เน้นและพูดให้เห็นภาพบ่อยๆ แล้วว่ากราฟมันแสดงความอยากของตลาด เราใช้กราฟแบบว่าอารมณ์เดียวกับข้อมูล วิจัยตลาด ก่อนเอาไปทำสินค้ามาขาย ก่อนออกโปรโมชั่นให้บริการต่างๆ นั้นแหละ คิดหรือฟังกันมาว่ามันคืออะไรที่พิศดารอยู่ ก็จงไปศึกษาหาความรู้ ว่ามันคืออะไรเรามองหาอะไรจากมันครับ


ฝรั่งยังตบหุ้น และขายเงินบาทได้อีกยาวไหมมาดูกันครับ


ค่าเงินบาท ช่องที่จะไหลไปได้อีกอย่างน้อยคือ ช่วงลูกศรเขียว ต้องบอกว่าอย่างน้อยคือ มันจะเบรกทำ new hi อีกก็ได้ ไม่มีใครว่า นั้นหมายถึงว่า ฝรั่งขายได้อีกมาก ถ้ายังมีขายและค่าเงินบาทยังมีทางให้เขาทำกำไรต่อ อย่างที่เห็น ในกราฟ

   
แล้วเราจะดูอะไร ในส่วนของกราฟเงินบาท จับตาดูช่อง macd ข้างล่างเป็นหลัก ราคาไปตรงต้านแล้วไอ้ตรง macd มันเป็นยังไง เบรกต้านแล้วเป็นยังไง ตรงนี้เป็นตัวชี้สัญญานให้เราระวัง

เช่น ทำ new hi แต่ macd ไม่ไปด้วย(divergence) ก็มีสิทธิ์กลับตัวมาแข็ง ถ้าแบบนี้ก็ได้ลุ้นว่า ฝรั่งจะกลับมาเข้า แต่จะเข้ายาวแบบช่วงที่ผ่านมาไหม คิดว่าต้องระวังตรงนี้มากๆ ระยะกลางๆถ้ามีการแข็งค่าเข้าจริงๆ มันจะมีจุดวัดว่าไอ้ 5 เวฟ ที่ผ่านมานี้เป็นเวฟ 1 ขาขึ้น(บาทอ่อน) หรือเปล่า ถึงตอนนั้นถ้าเกิดค่อยว่ากัน(ว่าก่อนเกิดแน่ๆไม่ใช่ว่าหลังเกิดแล้วไม่ต้องห่วงครับ)

ส่วนถ้าทำ new hi แล้ว macd มีแรงนะ(covergence) + qe ตลบหลังเหมือนที่ตะหงิดๆคำพูดที่ว่ายังไม่ลด qe ว่าจะจริงเหร้อ นี่นะ แบบนั้น น่ากลัวซึมยาว หนีไวๆ หักมุมมันมีบ่อย เสียบ้างเสียได้แต่อย่าไปจมยาว

โลกนี้ไม่ใจดี เหมือนที่เคยบอกตอนนั้นว่าเขาปั้มเงินมาเขาดูแลเงินเขาครับ เขาคุมหลายๆอย่างได้ ไอนิดเดียวก็เล่นราคาได้แล้ว อะไรที่คล้ายๆกับเราดูในหนังพวกทฤษฎีสมคบคิด มันมีประเด็นที่น่าคิดว่ามีจริงครับ เรื่องนี้ถ้าพูดยาวจะหาว่าผมแฟนตาซี เพ้อเจ้อ ไว้ลองสังเกตุกันดูครับ สังเกตุกราฟ กับข่าวประกอบกันนะ

เอาเป็นว่า ถ้าฝรั่งกลับเข้ามาอีกรอบ ก็ยิ่งต้องระวัง กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จนกว่าจุดวัดที่ว่าค่าเงินอาจจะเป็นแค่เวฟ 1 ขาขึ้นไหมถูกทำลายลง อันนั้นถึงเบาใจได้เปลาะใหญ่กว่านี้

อย่าปล่อยโอกาสให้หลุดไปกับอารมณ์ครับ (25 พย 2556)

ถ้าใครมัวแต่ปล่อยอารมณ์ไหลไปกับข่าวการเมือง แล้วลืมจับตาหุ้นตอนนี้ คุณอาจจะกำลังปล่อยผ่านโอกาสบางสิ่งลอยหลุดมือไป

โดยที่คำว่า "รู้งี้" กำลังเริ่มก่อตัวในลำคอ

คนที่ติดตามเพจมาพักใหญ่แล้ว และพยายามศึกษาอะไรต่างๆนาๆที่เอามาแชร์ให้ในเพจไปด้วย ผมเชื่อว่าคุณจะมีวิธีจับตาดูเป็นของตัวเองแล้ว ลองไล่จับตาดูครับ หุ้นลงมาถึงแนวรับแล้วพยายามยืน เยอะจัดเลยช่วงนี้

การ "จับตาดู" คือดูว่ามัน "ยืนแนวรับ" หรือ "เบรกแนวต้าน" ได้ไหม ยืนได้ก็น่าซื้อ เบรกไม่ได้ ก็น่าขาย ส่วนวิธีการดู มีในเพจนี้เยอะแยะ เต็มไปหมด เด้อพี่น้อง

วิเคราะห์ตลาด set index ประจำวันที่ 25 พย 2556

กราฟเซท ถ้าตรงช่องระหว่างเส้นประสีขาวถึง 1350 นั้นเอาไม่อยู่ก็ โลว์เดิมอย่างน้อย แต่ถ้าเด้งก็มีสิทธิ์ลงมาเทสแถวๆแนวรับนี้อีกสักครั้ง เพราะตอนนี้ช่วงสั้นๆถือว่าที่ผ่านมาราคาไล่ลง(แบบไล่ราคา เส้นค่าเฉลี่ยวิ่ง) ทั้งฝรั่งขาย เอยอะไรเอย ตรงนี้ถือว่าเป็นแนวรับที่ดี

   
แต่ถ้าไม่หลุดจริง ก็อาจจะต้องเทสกันอีกสักพัก


กลับมาที่กราฟทองคำและ EURUSD กันบ้าง

ส่วนของราคาทอง โดยรวมยังเหมือนเดิม ราคาที่ดูเหมือนจะหลุด ยังพยายามกลับขึ้นมาเทสอีกครั้ง ภาพใน time frame ระดับวัน ยังไม่ไปไหน

ส่วน #eurusd ที่เราติดตามกันมา ตั้งแต่เตือนแนวต้านสำคัญ ซึ่งก็ไม่ผ่าน และควรวางเงื่อนไขเปลี่ยนสถานะ ก็ได้หลุดเทรนด์ไลน์กันแล้วครับ เตรียม ตัวใครไม่ทันเข้าขาย ลองตั้งสมมุติฐานว่าเป็นเวฟ 2 หลักแล้วไปรอดักที่ 61.8% ของเวฟ 1 มันดู เดี๋ยวโพสกราฟลงในคอมเม้นต์ครับ
   

ศรแดงนั้นคือแนวต้านที่เตือนครั้งที่แล้ว ศรขาวนั้นคือแนวรับที่ต้องจับตาครั้งนี้ ถ้าลงถึง ก็เตรียมตัวครับ

เพิ่มเติมให้ลองเช็คช่วงเวลาที่ราคาไปถึงต้านรับสำคัญ มันจะสัมพันธ์กันกับข่าวที่ออก ตรงนี้ แฟนตาซีครับ 555



และต่อไปนี้คือ 

อัพเดตย้ายเวฟ #กราฟทองคำ ราคาลักษณะต้องประบเวฟจากเดิม ขยับเวฟ 5 ออกเพราะเมื่อคืนแนวรับ 1275 เอาไม่อยู่
ตอนนี้ราคาเลยลอยอยู่ระหว่างแนวรับแนวต้าน 
แนวต้านแรกจะเป็นวงกลมสีเขียว ส่วนแนวรับคือวงกลมสีม่วงทั้งสองอันตำลำดับ ถ้าลงถึงโลวเดิมหรือ new low อันนี้ค่อยมาลื้อสมมุติฐานก่อนนี้กันอีกที



วิเคราะห์กราฟ Set index ของวันที่ 20 พย 2556

กราฟเซ็ท เริ่มระยะสั้น กราฟช่องทางขวาก่อน ตรงนี้ตั้งสมมุติฐานว่าจะเป็นการขึ้นระยะสั้น เวฟแรก และทุกอย่างจะยังได้ลุ้นถ้ามันไม่หลุด 1400 หรือถ้าหลุดแล้วลงไปไม่ถึง 1380 แต่ถ้าหลุดก็ดูภาพรวมทางซ้ายมือ

   
ทางซ้ายมือนี้จะเป็นเป้าเก่าตั้งแต่ที่บอกว่า ลงมาอีกสัก 70-80 ก็ยังไม่ใช่เรื่องแปลก รับแรก 1377 หรือแถวๆ 1380 แบบในระยะสั้น

รับต่อมาที่สำคัญคือ 1350 ถ้าหลุดตรงนี้ มีสิทธิ์ถึง low เดิม ฝรั่งขายๆๆๆ แต่หุ้นไม่ลง แล้วเริ่มมีการพูดถึงว่า qe อาจจะยังไม่มีกำหนดลดที่แน่นอน

ตรงนี้ฟังดูเหมือนข่าวดี แต่จากที่สังเกตุข่าวเรื่อง qe มา บอกตามตรง มันสังหรใจ มันตะหงิดๆ มันยังไงๆ ไม่รู้ สิ่งที่ลุงเบนพูดว่าจะ ว่าจะ เนี้ย พฤติการณ์มันสวนทางกับการกระทำของฝรั่งวุ้ย

ทั้งนี้ทั้งนั้น เหมือนเดิมว่าอย่าไปเสียเวลาเดา เขาทำยังไงเราก็ทำอย่างนั้น จับตาค่าเงินไว้ ถ้าผ่าน31.8 มีสิทธิ์ไป 32.xx ซึ่งถ้าไปถึง ดูว่ามันจะมีแรงไหม แต่ถ้าย่อลงมา และถ้าไปถึงที่ราคา 30 บาท(หรือก่อนถึงแล้วเด้ง) จะเป็นตัวพิสูจน์ว่าเงินบาทจะแข็งจริง หรือแค่ปรับทิศเตรียมกำลังเพื่ออ่อนต่อ

สุดท้ายถ้าอ่อนต่อ ไอ้ที่ตะหงิดๆนั้นจะเฉลยตัวของมันเองว่าลุงเบนหักมุมอีกแล้วหรือเปล่าครับ


วิเคราะห์หุ้น win ตรวจสอบสัญญานทางเทคนิค

win แนว คือ 1 บาท นี้แหละ ถ้าหลุดตรงนี้ จะเสียทรง
แนวต้าน 1.14 และเส้นเทรนด์ไลน์เส้นบนตามลำดับ ตรง new hi ก่อนหน้านี้ 1.5 ในระดับ week ถือว่ากำลังอ่อนลงจาก ไฮเดิมเมื่อเดือน กุมพา มีนา เพราะงั้น ถ้าราคาขึ้นไปแถวๆนั้นอีกรอบก็น่าจะระวังให้มากๆหน่อยครับ


วิเคราะห์หุ้น CIG เช็คสัญญานกันไว้ไม่เสียหลาย

cig ถ้ายังไม่หลุด 0.64 ก็ได้ลุ้นเวฟ2 ขาขึ้นที่สวย
ถ้าหลุด แต่ไม่ทำ new lowก็ถือว่าได้ลุ้นเวฟ2ขาขึ้น ที่ไม่สวยเท่าเงื่อนไขแรกเท่าไหร่
   

ถ้าทำ new low เช็ค macd เอาว่าแรงลงเยอะไหมหรือแค่กดราคา

ถ้าเบรก0.8 ได้แล้วมีโวลุ่ม เตรียมไปเวฟ3 ขาขึ้น ตรงนี้จึงถือว่าเป็นต้านสำคัญครับ


วิเคราะห์หุ้น aim สำรวจทิศทางแนวรับแนวต้านทางเทคนิคหุ้นดูครับ

aim ในกรอบที่แรเงานั้น มีสมมุติฐานว่าเป็น4 ขาลง หรือ 2 ขาขึ้น แนวรับแรกคือเส้นเทรนด์ไลน์ที่มันเกาะอยู่นั้นแหละครับ

ถ้าหลุดนี้แล้งลงถึงโลวเดิมหรือ new lowได้ก็คอนเฟริมว่าไปเวฟ5 ขาลงซึ่งให้สังเกตุ divergence กับ low เดิม ดูครับ

   
แต่ถ้าเด้งเส้นเทรนด์ไลน์นี้ได้ แนวต้านหลักต่อไปคือเส้นเทรนด์ไลน์บน โดยต้านรองๆ คือตาม fibo เลย

และถ้าเบรก 0.75 ได้ถึงมองมีโอกาสว่าเป็นเวฟ 2ไป 3 ขาขึ้น


วิเคราะห์กราฟหุ้น RASA มาดูกันว่าน่าเข้าใหม่ครับ

rasa จากกราฟที่ขอคำแนะนำมานะครับ ตอนนี้เบรกขึ้นไป 2 แท่งที่มีโวลุ่มสูงทั้ง 2 ต้านตอนนี้คือ 1.62 ซึ่งถ้าเบรกได้ ต้านต่อไปคือ1.77 ที่ราคานี้ถ้าไปถึง ต้องระวัง แนวรับตอนนี้คือ 1.44 หรือเส้นเทรนด์ไลน์เส้นล่างนั้นแหละครับ

   

การแข่งขันของช่อง 3 กับ ช่อง 7 กรณีตัวอย่างของความพยายามขึ้นเป็นที่ 1 ของธุรกิจทีวี ที่กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

การแข่งขันของช่อง 3 กับ ช่อง 7 กรณีตัวอย่างของความพยายามขึ้นเป็นที่ 1 ของธุรกิจทีวี ที่กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

บริษัทที่น่าลงทุนคือบริษัทที่เป็นที่ 1 และทิ้งห่างที่ 2 ไกล คู่แข่งที่จะมาเทียบรัศมีได้ มีน้อย เซียนวีไอ ท่านหนึ่งกล่าวไว้ ผมได้อ่านนานมากแล้วและเห็นด้วยอย่างมาก

ช่อง 3 เป็นบริษัทในตลาด ความอยากพัฒนาผลประกอบการเลยดูเหมือนจะเข้มแข็งกว่าช่อง 7 มาก ในขณะที่เมื่อก่อนช่อง 7 มีจุดแข็งอยู่ที่ละครสำหรับ กลุ่มคนดูต่างจังหวัด

   
พักหลังนี้คุณภาพลดลงไปเยอะเอ็ฟเฟ็คทำออกมาแปลกประหลาดมาก ในฐานะคนที่ครั้งหนึ่งทำเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ งานของกันตนาบางงาน เอาส่งครูเด็กปี 1 ยังให้ตกได้เลย นี่ทำมาออกทีวีซะได้ กล้ามาก

ตลาด ตจว นี้ใหญ่มาก ช่อง 3 ก็เล็งเห็น ตอนนี้เลยผลิตละคร แนวเดียวกับที่ช่อง 7 เคยทำออกมาเพิ่ม (ช่อง 3 กินขาดกลุ่มคนเข้าถึงเทคโนโลยี) ถึงไม่โดดเด้งเด่นจนแปลกใจอะไร แต่ว่าควบคุมคุณภาพได้ดีกว่าช่อง 7 มาก

รายการเด็ดๆที่เรตติ้งดีๆ ในตลาด ก็มาอยู่ที่ช่อง 3 หมด ดาราเด็ดๆดังๆ พูดชื่อมาอ๋อทันทีก็ย้ายมาอยู่ช่อง 3 หมด ผู้บริหารที่ถือว่าเป็น มาสคอทของช่องเจ็ด ยังจะมาช่อง 3 เลย

นี้เป็นข้อดีของบริษัทที่อยู่ในตลาด การรักษาการขยายตัวของการเติบโตมันค้ำคออยู่ เขาอยู่นิ่งไม่ได้ ถ้าเรามองเฉพาะในมิติของการพัฒนาอย่างเดียวตรงนี้คือสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุด

วิสัยทัศน์ยาวกว่า เขามองขาดหมดถ้าไม่รีบตักตวงความได้เปรียบเดี๋ยวช่อง 3 ก็จะอยู่ลำบากได้เหมือนกัน เพราะว่า

ยุคนี้คู่แข่งของพวกทีวีมีเยอะ มีหลายช่องทาง เคเบิลเอย อินเตอร์เน็ตเอย เขาแข่งกันพัฒนา คอนเทนท์กันสุดๆ

ช่องทางการเข้าถึงคอนเทนท์ทุกวันนี้มันง่าย ไม่ต้องมีเงินมีอำนาจ ระดับประเทศ ก็เผยแพร่คอนเท้นท์ได้

ยิ่งส่วนที่เป็นออนไลน์ พี่เขามีแนวคิดที่แปลกประหลาด ยังกะทำโรงสีของเครือญาติ พยายามห้ามคนกระจายคอนเท้นท์ผ่านช่องทางอื่นยกเว้น ของตัวเอง (เวบบูกาดู อะไรสักอย่าง)

มันจะดีนะวิธีนี้ แต่ต้องมีข้อแม้ว่า คุณมีพลังในการควบคุมอินเตอร์เน็ตได้ แบบรัฐบาลจีน ที่ไม่ให้ใช้ เว็บหลายๆเว็บของเมืองนอก โดยใช้เฉพาะ ของที่รัฐสนับสนุนทดแทนเท่านั้น แต่ช่อง 7 ไม่ใช่รัฐบาลจีน

คุณไปคุมตรงนี้ ก็เท่ากับปิดกั้นความสามารถในการแข่งขันของตัวเอง เพราะไอ้ช่องทางที่คุณทำเตรียมไว้สำหรับเผยแพร่คอนเท้นท์ ออนไลน์ นั้นน่ะ มันสู้การปล่อยแบบช่อง 3 ไม่ได้ คนรู้จักเว็บนี้น้อยมาก กว่าเว็บครอบครัวข่าวของสรยุทธ์ เว็บเดียวเสียอีก

ลองไปเทียบกับช่อง 3 ดู ด้วยอำนาจของ internet คอนเทนท์ ของช่อง 3 ได้รับความเป็น viral เต็มรูปแบบ โลโก้ของช่อง 3 จะไปอยู่ทุกที่ การแชร์ข่าว คลิป ละคร รายการ ถูกช่วยโปรโมทเต็มรูป เพราะมีเว็บไซท์จำนวนมากสามารถ เอาคอนเทนท์ของช่อง 3 ไปปล่อยได้ ฟรีทีวีอยู่แล้ว ไม่รู้จะไปกักคอนเทนท์ตรงนี้ทำไม ขวางน้ำเชี่ยวเฉยๆ หาประโยชน์จากมันดีกว่าเยอะ

ช่อง 7 แม้แต่ดูทีวีเขาออนไลน์ยังทำไม่ได้เลย (ไอ้ที่มีอยู่ ในเน็ตทุกวันนี้นั้นคือแอบเปิดเขาเคยทำเรื่องไล่ปิดไปหลายทีละ)

ไม่เคยเห็นละครช่องเจ็ด ทำให้ news feed ของเฟสบุ๊ค มีแต่คนพูดถึง ลำยองๆ ไอ้วันๆ หรือ เช่นเรื่องก่อนๆของช่อง 3 ที่ทำได้

ตรงส่วนนี้ช่อง 3 กินขาดมาก่อนแล้ว และช่องเจ็ดยิ่งมีวิธีตัดขาตัวเองให้เสียเปรียบลงไปอีก

ยาวเหยียดพูดไม่หมด การแข่งขันสูง คนดูมีตัวเลือกเยอะ การเปลี่ยนความชอบ ทำได้ง่ายๆแค่เอานิ้วชี้กด

ช่อง 7 ยังเฉื่อยแบบนี้ อีกหน่อยจะได้ไปแย่งคนดูกับช่อง 11

ข้อคิดเล็กๆสำหรับนักลงทุน จากสรุปการซื้อขาย ณ วันที่ 20 พ.ย. 2556

สรุปการซื้อขาย ณ วันที่ 20 พ.ย. 2556 จัดหนักต่ออีกวันครับ สำหรับฝรั่ง

ในกราฟใกล้จุดวัดแล้ว เดี๋ยวเย็นนี้ไม่ติดไรจะมาร่วมด้วยช่วยตีครับ

คำแนะนำ นั่งมองข่าวไปก็ไร้ประโยชน์ ดูว่าคนเขาทำไร ตามเขาไป เราไม่ได้มีเงินถึงขนาดชี้นำตลาดได้ ดูข่าวการมุ้งการเมือง แล้วแปลไปเองว่าหุ้นจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ เหมือนนั่งตำน้ำพริกอยู่ปากแม่น้ำ ไร้ผลเสียเวลา คุณทายว่าคุณจะคิดตีความได้ถูก ยากกว่าทายว่าคนส่วนมากคิดยังไง

   
ข่าวการเมืองเอย ข่าวนั้นนี่เอย ส่วนมากคือสิ่งที่นักข่าวเศรษฐกิจชอบเอามาอธิบายว่าเป็นเหตุของการเคลื่อนไหวของราคา เพราะว่ามันง่ายที่จะพูด แต่เมื่อสังเกตุดูยาวๆจะเห็นว่ามันยากที่จะเชื่อว่ามันสมเหตุสมผล พูดครั้งนี้ กับอีกสามวันครั้งหน้า เรื่องเดียวกันแต่ไม่สัมพันธ์กันเลย สภาการเดียวกันแท้ๆ พอหุ้นเด้งบอกอีกอย่าง หุ้นลงบอกอีกอย่าง ปานว่าการเมืองไทยเปลี่ยนเทรนด์อาทิตย์ละแปดรอบ

ความอยากในตลาดที่แสดงออกมาไม่เคยหลอก เขาไม่อยากได้ก็แปลง่ายๆว่าไม่อยากได้ เขาอยากได้ก็แปลกันตรงๆว่าเขาอยากได้

อยากได้ก็ไล่ซื้อ ไม่อยากได้เขาก็เทขาย

เขาไม่ได้เอาเงินเข้ามาเก็งกำไรในไทย เพราะการเมืองเรานิ่ง (มันไม่เคยนิ่งมาก่อนหุ้นขึ้นแล้ว)

เขาเข้ามาเพื่อเก็งกำไรซะมาก ซึ่งไอ้ส่วนนี้แหละที่เป็นตัวหลักของการเปลี่ยนแปลงของราคา คือปั้มเงินได้ ก็ต้องเอาออกไปทำงานสิ

ถ้ามีคำพูดว่า

เขา(ฝรั่ง)มาลงทุนในธุรกิจเมืองไทยเพราะเชื่อว่า การเมืองนิ่ง และธุรกิจจะโตให้ผลดีในระยะยาว

คำพูดนี้มันฟังดูไม่มีเหตุผลในสถาณการณ์ทั้งเมืองไทย และ ทั้งโลกในช่วงนี้ รวมถึงก่อนหน้านี้ที่หุ้นจะเริ่มขึ้นรอบใหญ่มาด้วย

เมื่อคิดว่าคำพูดนี้ไม่สมเหตุสมผล ก็ควรเอาเวลาไปจับตาปัจจัยอื่น

ถ้าไทยแลนด์เปลี่ยนเป็นระบอบสังคมนิยม คอมมิวนิส หรือระบบอื่นๆ บลาๆๆๆ อันนั้นถึงจะมีผลต่อตลาดจริง ส่วนถ้าเรื่องการสู้กันรายวันของสองฝ่ายนั้น มันแทบไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนเทรนด์เลย พับผ่าาา

เตือนจุดต้องระวังของ EURUSD ครับ

EURUSD ลูกศรขาวคือต้านที่เตือนไปเมื่อคืน ลูกศรแดงคือรับที่ืเตือนกันตอนนี้นะครับ หลุดตรงนี้ จะเป็นการลงเพื่อทำเวฟ 2 หลักระดับชั่วโมงนี้ ไม่คุมให้ดีหลุดระดับชั่วโมง เลือดสาดโหดได้นะครับ

ส่วนอันนี้คือ อันที่ผมเตือนไปเมื่อคืนในเฟสบุ๊ค

EURUSD ใกล้ถึงต่้านสำคัญของรอบสั้นนี้แล้วครับ ตรงศรขาวชี้นี่แหละ

สรุปความจากหนังเรื่องข้างล่าง inside job part 2



จาก  สรุปความ inside job part 1 เราจะเห็นแล้วว่าอนุพันธ์หนี้ เกิดได้ยังไง ต่อไปนี้เรามาดูว่าสินค้าตัวนี้มีองค์ประกอบและคนเกี่ยวข้องคือใครบ้าง แล้วไอ้มาม่าซองนี้ทำไมคุณภาพมันตกต่ำลง จนคนซื้อกินขี้แตกกันเป็นแถว

   
ก่อนอื่นตามความคิดส่วนตัวของผม หนี้มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนะ หนี้มันคือโอกาสถ้าใช้ให้ถูกที่ ให้ยืมถูกคนมันก็สร้างกำไรได้

ยกตัวอย่างในสังคมไทย ถ้าผมจะให้ใครกู้ยืมรายย่อยๆ ผมเลือกให้ข้าราชการกู้ได้เลย หักจากบัญชีเงินเดือนที่รัฐบาลจ่ายให้ ซึ่งเสมือนว่ารัฐบาล เป็นคนค้ำประกันให้

จึงไม่แปลกว่าคนกลุ่มนี้ บางทีถ้าเทียบในระดับเดียวกัน เขามีอำนาจการกู้ได้สูงกว่า เจ้าของธุรกิจ SME เล็กๆอีกนะ คิดง่ายๆ ครูคนหนึ่ง แค่ไปทำประกันชีวิตเสร็จแล้ว เขามีอำนาจการกู้ได้ถึง 3-5 ล้านง่ายๆเลยไม่ต้องมีไรค้ำประกันด้วย นอกจากเพื่อนๆเขามาเซ็นกริ๊กเดียว โอกาสเบี้ยวแทบไม่มี จะจ่ายหนี้ขั้นต่ำ หรือโป๊ะก็ไม่ว่ากัน แต่อัตราผลตอบแทนจาก ดอกเบี้ยให้ผู้ให้กู้ แทบจะเชื่อขนมกินได้ คือมีความแน่นอนสูง

แบบนี้ถือว่าเป็นผู้กู้ชั้นดี ในอเมริกาเรียกผู้กู้แบบนี้ว่า ผู้กู้กลุ่ม Prime กลุ่มนี้จึงถือว่าเป็นวัตถุดิบชั้นดีของ อนุพันธ์หนี้ คือถ้าเอาเฉพาะลูกนี้ กลุ่ม Prime ไปทำอนุพันธ์ ปัญหาคงไม่เกิด

ละกลุ่มผู้กู้ไว้ก่อน ไปดูว่า พวก ธนาคาร กับ พวกวานิชธนกิจ มีรายได้จาก อนุพันธ์หนี้ นี้ยังไง ง่ายๆรายได้ขั้นแรกก็คือ

ค่าคอมมิสชั่นในการขายสินค้า ยิ่งมีอนุพันธ์หนี้ มาขายให้ประชาชนมากๆพวกวานิชธนกิจยิ่งมีรายได้เยอะ โบนัสไม่ต้องพูดถึง เรียกว่าเงินทองไหลมาเทมา เสพยา ซื้อบริการ กันเป็นเรื่องปกติ มีเรื่องเล่าในสารคดี บอกว่าค่าตัวโสเภณีถูกเขียนลงบิลของบริษัทว่าเป็น ค่าคอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำ นั้นแสดงให้เห็นความมันส์ ของการใช้เงินที่ได้จากการขาย อนุพันธ์หนี้ มันสูงแค่ไหน

ส่วนธนาคารก็ยิ่งชอบ เอาง่ายๆเมื่อเอา อนุพันธ์หนี้ไปขายให้นักลงทุน ก็เท่ากับว่า ธนาคารไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงการเบี้ยวหนี้ของผู้ขอกู้ เอาเป็นว่าตรูมีหน้าที่ให้กู้ ส่วนคนกู้จะจ่ายคืนหรือไม่จะสนทำไม เพราะคนรับความเสี่ยงคือนักลงทุนที่มาซื้อ CDO ถ้าเขาไม่จ่ายธนาคารก็ไม่ได้ซวยอะไร

เมื่อเป็นเช่นนี้ ธนาคาร เลยไม่ไตร่ตรองผู้ขอกู้ให้ดี ใครขอกู้มาตรูจัดให้ นั้นเป็นที่มาของลูกนี้กลุ่ม SUB Prime

SUB Prime คือลูกนี้กลุ่มที่กู้แล้วใช้คืนบ้าง ไม่ใช้คืนบ้าง มีประวัติการชำระหนี้ไม่ดี โดยปกติ กลุ่มนี้จะกู้ซื้อบ้านซื้อรถ ยากมาก เพราะเครดิตไม่ดี วินัยการเงินไม่ได้เรื่อง

แต่เมื่อความโลภ ครอบงำเสียแล้ว ธนาคารก็ไม่สนแล้วหล่ะว่ากรูจะให้ตาสีตาสาที่ไหนกู้ ปล่อยกู้ทำยอดสิครับ ได้รับเงินผลตอบแทนเพิ่มด้วย ธนาคารเงินไม่มีก็อย่างที่บอกใน Part ที่แล้วว่า เขาล๊อบบี้ให้รัฐบาลผ่อนปลนการกู้เงินไว้แล้ว

กู้เงินเมืองนอกเอย ธนาคารท้องถิ่นเอย เอามาปล่อยให้พวก SUB Prime เอายอดคอมมิสชั่น สบายใจเฉิบ

เมื่อกู้เงินซื้อบ้านได้ง่ายๆ ราคาอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกา เลยพุ่งสุดขีด เพราะใครๆก็อยากได้บ้าน แล้วใครๆก็ดันกู้ได้ คนที่มีบ้านแล้วก็ยิ่งกู้อีก ใช้บ้านหลังเดิมค่ำได้อีกหลายเด้งเลย เพื่อเก็งกำไร ฟองสบู่อสังหาเลยพองเต็มที่ แล้วมันจะมีคนจุดระเบิดเมื่อบริษัท GM จะเจ้งนั้นแหละ อันนี้ว่ากันรอบต่อไปอีกที

ตรงนี้หยุดคิดเปรียบเทียบกับกรณีผลิตมาม่า ไอ้การระห่ำถึงขนาดปล่อยหนี้ให้ คนที่ไม่มีวินัยทางการเงินกู้ได้ง่ายๆ ตรงนี้ทำให้ อนุพันธ์หนี้ได้รับวัตถุดิบด้อยคุณภาพเข้าไปแล้ว

สินค้าที่เราพูดถึงมาแต่ต้นคือ อนุพันธ์หนี้ หรือ CDO ถ้าหนี้ที่เอามาทำอนุพันธ์นี้ถูกสร้างมาจากลูกหนี้ชั้นดี อันนั้นมันก็แจ่ม ถือว่าเป็นมาม่าน่าทาน แต่เมื่อมันกลายเป็นลูกหนี้ชั้นเลว ก็๋เตรียมขี้แตกกันได้เลย รอแค่เวลาที่พวกลูกหนี้ SUB Prime พวกนี้ตกงาน ไม่มีปัญญาจ่ายหนี้แค่นั้น ระเบิดก็จะลง

เราจับจุดสังเกตุ ความคลั่งในการเร่งปล่อยกู้เพื่อเอาคอมมิชชั่นตรงนี้จะเห็นว่า ในมุมมองของ นักธนาคารพวกนี้คือ มันเป็นเงินที่ได้มาง่ายมาก คุณไม่มีต้นทุน ไม่ต้องเสี่ยงอะไรเลย เงินก็กู้เขามาอีกทอดเพื่อมาปล่อยกู้ แล้วมีนักลงทุนที่มาซื้อ CDO ต่อรับความเสี่ยงต่อไปอีกทอด

นักการธนาคารที่ทำหน้าที่ปล่อยกู้นี้ก็เหมือนฝ่ายหาวัตถุดิบให้ผลิตภัณฑ์ เมื่อไม่ได้ใช้วิชาความรู้ในการคัดเลือกวัตถุดิบ แต่ดันใช้ความโลภของตัวเอง เป็นตัวทำงาน ปัญหามันก็เกิดระบบ หนี้กำลังจะเสียไป

จึงเกิดคำพูดสุดเทห์ของนักบริหารของเอเชียสองท่าน

"เมื่อคนเราสามารถสร้างอะไรขึ้นมาได้โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลยมันก็ยากที่จะห้ามใจ" ลี เซียน ลุง นายกสิงคโปร์

"วิศวกรจริงๆสร้างสะพานแล้วเขารับผิดชอบกับความเสี่ยงของงานที่เขาสร้าง ส่วนวิศวะกรทางการเงินสร้างผลิดภัณฑ์ทางการเงิน แล้ว คนอื่นรับผิดชอบกับมันแทน" แอนดริว เชง China banking regulatory commission

ใน PART 2 นี้เราจะเห็นแล้วว่า ปัญหามันเริ่มเกิดที่ตรงไหนแล้ว QC วัตถุดิบของสินค้า เริ่มมีปัญหาคนทุกคนมองเห็นแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก ไฟมันเริ่มใหม่ที่ห้องครัวแล้วแต่ทุกคนยังไม่สังเกตุ หรืออาจจะเห็นควันแล้ว แต่แกล้งทำเป็นไม่สน เพราะผลตอบแทนมันล่อใจ

ยิ่งธนาคารปั้มการปล่อยกู้มากเท่าไหร่ วัตถุดิบที่ใช้สร้าง อนุพันธ์หนี้ ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ความเสียหายก็จะยิ่งขยายวงกว้างออกไปเท่านั้นเช่นกัน

เป็นการเน้นเชิงปริมาณ ไม่ได้เน้นเชิงคุณภาพ ยิ่งทำได้เร็วคนทำยิ่งได้กำไร บริษัทจัดอันดับความหน้าเชื่อถือ ที่ผมเปรียบไว้ในบทที่แล้วว่าคือ แม่ช้อยนางรำ เปิบพิศดาร พวกนี้ก็ทำหน้าที่ตัวเองได้พิศดารจริงๆ ให้เครดิต อนุพันธ์หนี้ของSUB Prime ในระดับสูง

มันคิดได้นะ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า SUB Prime คือพวกที่จ่ายหนี้ไม่ตรง แต่มันให้เครดิตสูงลิ่ว ระดับ AA โน้นเลย

ถ้าใครไม่ส่งสัยว่าไอ้พวกแม่ช้อยนางรำพวกนี้ ได้เงินจากพวก INVESTMENT BANKER ก็ต้องถือว่าคุณมองโลกในแง่โคตรดี

เมื่อความคลั่งในทุกภาคส่วนซึ่งถูกแทรกซึมอยู่แล้วจากคนจากวอลสตรีท ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีคลัง หรือคนทำงานในระดับสูงๆในรัฐสภา ซั่งมาจาก ผู้บริหารระดับสูงของ วอลสตรีท ไม่ว่าจะเป็น goldman sachs,merrill lynch ความอยากได้อะไรก็ได้ ยิ่งกว่ารัฐสภาเมืองไทยก็เกิดขึ้น

ที่น่าเสียใจแทนก็คือลูกค้าสำคัญที่ซื้อ CDO ไปจำนวนมากเป็นพวกกองทุนเพื่อสังคม กองทุนบำเน็จบำนาญต่างๆของอเมริกาด้วยสิ

ความเชื่อว่าการเอาเงินไปลงทุนดีกว่าเอาไปฝากให้เน่าอยู่ในธนาคารกำลังจะถูกสั่นคลอนก็คราวนี้ แล้วปัญหานี้ จะตามมาหลอกหลอนสังคมมะกันอีกนาน เพราะความโลภครั้งนี้

แค่นี้ยังไม่จบต้องมี PART ต่อไปแน่นอนครับ สินค้าอีกตัวกำลังจะโผล่อออกมา นั้นคือ ประกันของอนุพันธ์หนี้ ตรงนี้ยิ่งโคตรมันส์ เพราะมันไม่ใช่ประกันธรรมดา คุณลองคิดภาพว่า

วันหนึ่งแม่ยายของคุณ ดันคิดว่าคุณใกล้จะตายแกเลยไปทำประกันชีวิตคุณโดยที่คุณไม่รู้เรื่องด้วยได้แบบถูกกฏหมาย พอคุณตายแม่ยายก็ได้เงิน

เพื่อนบ้านเห็นบ้านของคุณเก่าจริงๆเลยคาดว่าบ้านคุณจะไฟไหม้ เลยไปทำประกันภัยกับบ้านของคุณ พอบ้านคุณไฟไหม้ เขาก็ได้เงิน

ความมันส์แค่นี้ถ้าคุณยังคิดว่ามันน้อยไป มาลองดูว่า บริษัท วานิชธนกิจทำตัวเหมือน พ่อค้าขายบ้านหลังงามให้คุณโดยที่พวกเขารู้อยู่แล้วว่าปลวกกินบ้านไปทั้งหลัง อีกไม่กี่วันบ้านถล่มแน่นอน เมื่อคุณรับโอนบ้านไปเรียบร้อย เขาก็ไปซื้อประกันในบ้านของคุณอีกชั้นเพื่อกินกำไรเพิ่มจากการหลอกขายบ้านเน่า และ เงินประกันสองเด้ง

เรื่องจรรยบรรณ ธรรมาภิบง บรรษัทภิบาร อย่าไปถามหา โลกนี้มันเป็นแบบนั้น Part 3 จะมาดูความหน้าด้านของบริษัทวานิชธนกิจเหล่านี้ ว่าเขาจะทำได้ขนาดไหน เมื่อพวก subprime ไม่มีปัญญาจ่ายหนี้แล้ว

แล้วไปรู้จักกับ AIG บริษัทมหาซวยที่มารับเคราะห์ ทำประกันให้กับ CDO ทั้งมันส์ทั้งสงสาร คราวหน้ามันส์แน่นอนครับ

อย่าลืมติดตาม

สรุปความจากหนังเรื่องข้างล่าง inside job part 1



Inside job ถ้าใครยังไม่ได้ดูหรือดูแล้วยังงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น มาลองอ่านตรงนี้ได้ มันไม่น่าจะสปอยนะเพราะประเด็นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว และหนังเป็นแนวสารคดี ที่ต้องการชี้ให้รู้มากกว่า มองหารสชาติของเรื่องราวแบบหนังทั่วไป(ดูตัวอย่าง INSIDE JOB ที่นี้)

   
หนังชี้ให้เห็นถึงการคลั่งในความโลภ ซึ่งคนทั่วไปอาจจะคิดว่ามันคือความโลภของ คนในวอลสตรีทเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วมันก็คือทั้งประเทศเลย

"อเมริกันดรีม" นี่แหละคือการหลับฝันที่คนอเมริกันคิดเอาเองว่าเป็นฝันที่ดี อเมริกามีคำคำหนึ่งบอกว่า "อเมริกาเป็นดินแดนแห่งโอกาส" โอกาสนั้นทำให้คนคิดว่าทำอะไรก็รวยได้

เรื่องมันเริ่มเมื่อ พวกบริษัทในวอลสตรีทพยายามล๊อบบี้ ให้มีการผ่อนปรนทางการเงิน ประเด็นสำคัญคือผ่อนปรนเรื่องกู้ และเรื่องการสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ให้ง่ายขึ้น (ตรงนี้จำคำว่าล๊อบบี้ให้ดีนะ เดี๋ยวผมจะมาสรุปอีกทีใน part สุดท้ายว่ามันมีประโยชน์กับเรายังไง )

เรื่องกู้ง่ายขึ้น นี่เราคงเข้าใจกันหมด เรามาพูดเรื่องการสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินกันว่ามันคืออะไร และจะพยายามเปรียบเทียบให้เห็นเป็นสิ่งที่เข้าใจง่ายๆในชีวิตประจำวันครับ

ผลิตภณฑ์ทางการเงินที่ว่านี้ มันคือการสร้างสินค้ามาขายอย่างหนึ่ง ในอุตสาหกรรมปกตินักออกแบบผลิตภัณฑ์ จะออกแบบสิ้นค้า แล้ววิศวกร ก็จะเอาไปผลิต ออกมาให้ฝ่ายการตลาดเอาไปขาย

มันไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ถ้าเขาจะใช้กระบวนการนี้สร้างผลิตภันฑ์อย่าง ขนม ยา น้ำอัดลม รถ โทรศัพท์ มาม่า เพราะเมื่อลูกค้าซื้อแล้วก็เอาไปใช้ กิน แล้วก็จบ

แต่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินพวกนี้คืออะไรที่ต่างออกไป ในเรื่องคือการนำเอา "หนี้" ซึ่งในทางการลงทุนถือว่าเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่ง (เพราะถ้าคนกู้กู้ไปแล้วจ่ายหนี้พร้อมดอกเบี้ย ก็ทำให้เงินเติบโตใช่ไหมล่ะ)

ไม่ว่าจะเป็นหนี้กู้ซื้อบ้าน ซื้อรถ หนี้อเมริกันกูยืมเรียน หนี้ต่างๆนาๆ เขาล้วนแต่เอาไปมัดรวมกัน ปรุงแต่งรสสักหน่อยตามระบบของอนุพันธ์ แล้วเอาออกขายในตลาด โดยพิมพ์ยี้ห้อของแต่บริษัทที่ออกของติดไว้(บริษัท investment banker ต่างๆ) แล้วให้ชื่อของสินค้าชิ้นนี้ว่า อนุพันธ์ cdo หรือ "อนุพันธ์หนี"

ตอนนี้เราได้ผลิตภัทฑ์ทางการเงินตัวแรก คือ "อนุพันธ์หนี" การจะขายมันได้ มันต้องมีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เปรียบให้เข้าใจง่ายๆ เมื่อคุณเอาบะหมี มาใส่ชูรส ใส่ซองแล้ว ถ้าจะขายให้คนซื้อไปต้มกินได้ คุณก็ต้องไปขอ "อย" คนซื้อจะได้มั่นใจ ว่ากินแล้วไม่ท้องเสีย

นาย กรีนสแปน กับ นายเบอนันเก้ ต่างมีส่วนร่วมในการรับรองว่า มาม่าห่อนี้ มีประโยชน์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ชาญฉลาด จะช่วยลดความเสี่ยง เสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจ เรียกง่ายๆแบบชาวบ้านก็คือ กินมาม่าห่อนี้แล้วร่างกายแข็งแรงอายุยืนหมื่นๆปีว่างั้นเถอะ

โปรยไว้สำหรับ part ต่อไปก่อน นอกจาก อย แล้ว จะให้ครบรสขายดี มันจะต้องมี แม่ช้อยนางรำ เปิบพิสดาร เชลชวนชิม มาจัดเรตติ้ง ให้มาม่า ของเจ้าต่างๆ คนจะได้มั่นใจว่า นอกจากกินแล้วท้องไม่เสีย ยังแซบถึงใจอีกด้วย บะหมี่ที่ชูรสหกใส่หลายๆซองนี้ จึงได้เรตติ้ง ความแซบระดับ aaa กันเป็นแถว มีเรื่องให้พูดยาว ว่าไอ้พวกแม่ช้อยนางรำ เปิบพิศดาร พวกนี้ ได้เงินจาก พวกพ้อค้า บริษัท investment banker ต่างๆด้วยหรือเปล่า ไว้ค่อยว่ากัน part ต่อไป

ตอนนี้เราได้รู้สักสินค้าทางการเงินตัวสำคัญตัวเดินเรื่องของเรื่องนี้แล้ว สินค้าตัวนี้มี อย อ่าหย่อย รับรอง แถม แม่ช้อยนางรำการันตีความแซบ

เดี๋ยว part ต่อไปจะมาพูดว่า มันไปพลาดกันตรงไหน คนอเมริกันถึงขี้แตกกันเป็นแถว คนอื่นๆทั่วโลก ก็ซวยปวดท้องไปด้วย มันมีประเด็นอยู่ในระบบการผลิตครับ การเริ่มให้กู้ง่ายๆในกลุ่มลูกหนี้ subprime นี่แหละตัวสำคัญ

ไว้เดี๋ยวมาต่อ part 2 ใครสนใจเรื่องนี้รับรองสนุก อย่าลืมติดตามครับ

วิเคราะห์สัญญานทางเทคนิค ของ set50 ครับ

set50 โดยรวมมันก็เหมือนตัวกราฟ set นะครับ แต่ตัวเลขเปลี่ยน แนวจ้านคือ 974 ถึงเส้นเทรนด์ไลน์เส้นบน แนวรับหลักจะอยู่ที่ 950-957 จุดวัดใจเวฟ 2 ครับ


   

แนะนำหนังวันหยุด INSIDE JOB

แนะนำหนังวันหยุด INSIDE JOB เป็นกึ่งสารคดี เกี่ยวกับวิกฤติเศรษฐกิจ ช่วงที่ผ่านมาของอเมริกา

ดูแล้วจะเห็นภาพว่า ธรรมาภิบาล เป็นเรื่องในจินตนาการพอๆกับม้ายูนิคอน ทำไม งบสมัย ราเกซ สักเสนา โคตรเทพถึงเจ๊ง

พูดนานละเราจะเชื่อข้อมูลที่เขาจ้างคนทำเพื่อให้เราอ่านแล้วพอใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ ได้ยังไง

ถ้าไม่ไปไหนเป็นพิเศษหามาดูฆ่าเวลารอไปลอยกระทงกันครับ


วิเคราะห์กราฟหุ้น KSL สัญญานเทคนิคเป็นยังไงน่าเข้าหรือยังลองมาดูกันครับ

ksl 13.33 เป็นจุดวัดขาขึ้น เบรกได้ก็สวยถือว่าเข้าเวฟ 3 เต็มตัว แนวรับ เวส้นเทรนด์ไลน์สีฟ้านั้น และ 11.9 ตามลำดับ

ส่วนแนวต้านระยะสั้นนี้จะเป็น12.8

   

วิเคราะห์หุ้น ukem มาจับตาสัญญานทางเทคนิคกันครับ

ukem 1.34 แถวๆนั้นเป็นแนวต้าน ถ้าลงอีกรอบจะต้องจะต้องจับตาว่าจะเป็นทรงเวฟ 2 ขาขึ้นไหม แนวรับที่สำคัญระยะสั้นนี้ 1.2 ครับ


   

วิเคราะห์หุ้น BGH มาดูสัญญานทางเทคนิคกัน

bgh ราคาบีบเข้าเรื่อยๆ แนวรับ 125-120 ตามลำดับ แนวต้านเส้นเทรนด์ไลน์เส้นบน หรือแถวๆ 138 ใครชอบตัวนี้อาจได้เวลาเริ่มจับตามอง ยิ่งถ้าลงทำ new low อีกจะยิ่งเห็น divergence

   

รูปแบบวิธีคิดของคนไทย ต่อการสนทนาทางการเมือง ในสังคม

ติดค้างว่าจะพูดเรื่องพรบ กับการโอเวอร์เทรดไว้รอบก่อน มาวันนี้ยกเลิกเปลี่ยนเรื่องพูดดีกว่า (ขนาดลุงตัน พี่เสก เผลอพูดเรื่องนี้ยังโดนสับเละเลย ป๋าเบิร์ดไม่ได้พูดอะไรสักอย่างแค่ใส่เสื้อสีที่ไม่ถูกใจ ยังโดนด้วย Thai Trader ยิ่งเป็นคนพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกจะยิ่งอันตราย 555 )มีอีกเรื่องอันเนื่องจากเรื่องการเมืองที่น่าแปลกใจน่าคุยยิ่งกว่าครับมันคือ

   
ทัศนคติ ที่มีต่อการถกเถียงของคนไทย คนไทยเรามีทัศนคติต่อเรื่องนี้แปลกมาก คือไม่ได้ถกเถียงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นสิ่งที่มีเหตุผล

การเถียงของเราคือการเถียงเพื่อไม่ให้แพ้ เราเถียงแพ้ไม่ได้เพราะวัฒนธรรมการ "เสียหน้า" มันฝังลึกเถียงเขาแพ้แล้วจะโดนตราหน้าว่าโง่ ไอ้คนเถียงชนะ ก็จะด่าเขาว่าไม่ฉลาด

ผมคิดว่ามันฝังมาตั้งแต่การลงโทษเด็กด้วยการประจาร แล้วละ ใครทำผิดให้ไปยืนคาบไม้บรรทัดหน้าเสาธงงี้ คนไทยเราเลยเข้าใจความหมายของการทำผิด ผิดไปมาก ทำผิดต้องได้บทเรียนว่าแบบนี้ผิดค้นหาแบบอื่นที่มันถูกดิ ไม่ใช่ได้เสียหน้าเป็นบทเรียน

ความผิดของคนไทยเรา คือการเสียหน้า อับอาย ทั้งที่พอเถียงกันได้ข้อยุติ ที่มีเหตุผลแล้ว เราจะได้รู้เรื่องที่เราไม่รู้ แท้ๆ

ผมไม่ได้อวย ฝรั่งมังค่านะ แต่มีอะไรที่น่าสนใจเราก็ควรเอามาคิด คนเยอรมัน เป็นคนที่ชอบเถียงมาก เถียงไม่หยุดจนกว่าจะได้ข้อยุติที่มีเหตุมีผล คนเยอรมันมาเถียงกับคนไทย คนไทยจะพูดว่า ไอ้ฝรั่งนี้กวนตีนว่ะ

ส่วนคนเยอรมันจะคิดว่าคนไทยไม่มีความคิด แทนที่จะเถียงกันให้เหตุให้ผล จะได้ได้ข้อสรุปที่พัฒนา แต่คนไทยไม่มีอะไรเสนอเลย ยิ้มๆแล้วเอาไปด่าลับหลัง

เรื่องพวกนี้มันมีจริงนะ ผมว่าเราไม่ค่อยกล้ายอมรับว่าเราผิด และกลัวมากถ้าเราทำผิดแล้วถูกเปิดเผย

พอคิดแบบนี้แล้วการเถียงกันของคนไทยจึงเป็นว่าไอ้นี้มาเถียงฉัน กวนตีนจริงๆ แล้วการเถียงของคนไทยเลยมีความหมายเดียวกับการด่า

เวลาเราเถียงกันเรื่องการเมืองไม่ว่าในเว็บ กับเพื่อน หรือแม้แต่ในวงทานข้าวในครอบครัวเดียวกัน การเถียงกัน มักจบลงด้วยการทะเลาะผิดใจกัน จนมีคำว่า "ไม่อยากทะเลาะกันอย่าคุยเรื่องการเมือง"

ซึ่งผิดถนัด การเมืองในระบอบประชาธิปไตย มันเป็นเรื่องของการถก การแสดงสิทธิของตัวเองอย่างสร้างสรร ยอมรับความถูกต้องจากการถกเถียงนั้น การโหวตเป็นการรับรองสิ่งที่ถกเถียงเพียงแค่นั้น สังคมประชาธิปไตย หัวใจหลักมันต้องเถียง ต้องแสดงออก แล้วก็เน้นว่าแบบสร้างสรร ใช้เหตุใช้ผล

แต่บ้านเรามันกลับหัวไปแล้ว ไล่ตั้งแต่เด็กยันหัวหงอก ไม่ว่าได้เรียนหนังสือหรือไม่ เป็นเหมือนกันหมด

ที่ผมพูดว่าคนไทยแย่อย่างนั้นคนไทยแย่อย่างนี้ อาจจะมีข้อสงสัยว่าแล้วตัวผมเองละดีนักเหรอ ผมก็ไม่ดีนะ ทำผิดประจำ แต่อย่างหนึ่งที่กล้าบอกได้เลยเต็มปาก จะยอมรับหรือไม่ หลังจากเถียงได้ข้อยุติ ที่มีเหตุผลว่าผมคิดผิดผมยอมรับนะ ยกเว้นว่าคุณไม่เสนอเหตุผลอะไรสักอย่าง แต่บอกว่าที่ตัวเองคิดมันถูก แบบนี้ผมก็ยอมรับไม่ได้ เพราะมันขัดจริต เชื่อสิ่งที่ไม่เหตุผลไม่ลง

ผมคุยกับคนที่เชียร์ ฝ่าย a เขาจะเกลียดผมบอกว่าผมมัน ไอ้พวกฝ่าย b

พอผมไปคุยเรื่องการเมืองกับฝ่าย b ฝ่าย b ก็จะโกรธผมว่า แกน่ะพวกฝ่าย a

เวรกรรม ไม่มีทางคุยกันดีๆได้เลย ทั้งที่เรื่องการเมืองถ้าคุยกันแบบมีเหตุผลรับฟังกันมัน เรื่องสนุกมากนะถามหน่อยในใจลึกๆ ไม่ใช่ความเบื่อหน่ายการเมืองปัจจุบันนะ มีใครบ้างไม่ชอบคุยเรื่องการเมือง

เพื่อให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหุ้นบ้าง 555
ผมย้ำเสมอว่า ทุกคนรายย่อยอย่างเราควรเป็นนักศึกษา การจะเป็นนักศึกษาที่ดีได้ต้องยอมรับว่าเราทำผิดคิดผิดได้ (ถ้าเราทำถูกหมดเราจะมาศึกษาทำไมจริงไหม)

อย่าไปกลัว เสียหน้า หน้าไม่ได้หายไปไหน ไม่ได้ต้องเอาไปซ่อมหรอก มันตั้งอยู่ระหว่างหูเรานั้นแหละ แต่พอเรารู้ว่าเราผิดอะไร ตรงไหน เราจะได้พัฒนาตัวเองทันที แทนที่จะมาทุกข์ใจกับความพ่ายแพ้ ที่มโนเอาเอง

ส่วนคนที่เถียงแล้วเป็นฝ่ายถูก ก็อย่าไปซ้ำเติมเยาะเย้ยถากถางเขา ประจานด่าว่าเขาโง่ มันไม่ถูก คนเราไม่ได้โง่ แค่ได้รับข้อมูลมาไม่เหมือนกันแค่นั้นเอง

เราตีหุ้นเข้าผิดทาง เรายอมรับผิด คัทลอส เริ่มรอบใหม่ได้ทันที แถมมีความรู้ว่าเราทำตรงไหนผิด ใจร้อนไปไหมเลยเสียเงิน

เราตีหุ้นเข้าผิดทาง แล้วไม่ยอมรับ เราจะติดดอย เสียโอกาสเอาเงินนั้นไปหมุนต่อ ความรู้ที่จะได้จากการทำผิดนั้นก็ไม่มีเพราะเราไม่ยอมรับว่ามันผิด

ผมก็ขอเอาใจช่วยคนไทยทุกคน คนที่เป็น เพื่อนกันทางเฟสบุ๊ค เป็นเพื่อนกันในที่ทำงาน เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียน เป็นพ่อแม่พี่น้องกัน ให้มีสติแล้วมองให้ออกว่าเราเถียงกันเพื่ออะไร ขออย่าได้ทะเลาะผิดใจกันเอง เราไม่ใช่แค่คนไทยเหมือนกัน เราทุกคนมันคนเหมือนกัน มีค่าเท่ากันครับ

วิเคราะห์กราฟ FOREX ของ EURUSD

EURUSD เล็งที่วงกลมไว้ เป็นจุดจบของเวฟ 4 และ 1 ของขาขึ้นมาครั้งก่อน ซึ่งจะเป็นแนวรับที่สำคัญของการลงมา ถ้าราคาหลุดลงต่ำกว่านี้ จะมี 2 กรณี ข่าวแรงจริง หรือจบรอบใหญ่ไปเลย รอบใหญ่เป็นยังไงจะโพสไว้ที่คอมเม้นต์นะครับ

   

อันนี้จะเป็นรอบใหญ่ครับ

รอบใหญ่จะเห็นว่าวิ่งในกรอบนี้ ตั้งแต่ 2008 แถวๆช่วง แฮมเบอร์เกอร์ เพราะงั้นราคามันใกล้แนวต้านใหญ่มหึมา ระดับที่ต้องเดินทางเป็นปีกว่าจะไปถึง ถ้าราคาไปถึงเส้นเทรนด์ไลน์แดงด้านบน ก็อาจจะได้เวลาไปดูหนังฟังเพลง รอมันออกหัวออกก้อยค่อยตามอีกที


วิเคราะห์กราฟทองคำ ของวันที่ 13 พย 2556

กราฟทองคำ ระดับวันยังเกาะอยู่แถวๆ 1275 ไม่ไปไหน ตรงนี้เหมือนกับที่เคยบอกเมื่อตั้งแต่ เริ่มตกลงจาก 1432 ตรง 1275 เป็นขนาด 61.8% ถ้าเราให้สมมุติฐานว่าราคาจาก 1180 ไป 1432 เป็นเวฟ 1 ของขาขึ้น ตรงนี้ไม่หลุดก็จะสวยตรงนี้จึงเป็นแนวรับสำคัญในช่วงนี้
   

ส่วนแนวต้านเทรนด์ไลน์สีเหลืองมีที่มาแบบไหนเดี๋ยวโพสกราฟระดับ WEEK ลงในคอมเม้นต์ประกอบอีกทีครับ


ส่วนกราฟนี้จะเป็นภาพกว้างระดับ WEEK


ธุรกิจที่เป็นขาลงเป็นยังไง ลองมาดูตัวอย่างที่นี้ครับ

เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของธุรกิจ ประเภท พระอาทิตย์ตก คือธุรกิจถูกสิ่งใหม่เข้ามาแทนที่ ยากที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองโดยยังอิงกับโมเดลหลักเดิม

ถ้าสังเกตุบริษัทใหญ่โตที่ดำเนินกิจการรอดพ้นได้มาเป็นหลายสิบปี หรือร้อยปี บริษัทพวกนี้ก้าวข้ามวัฏจักร เหล่านี้ได้ บางครั้งด้วยวิธีการเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นเลยครับ เปลี่ยนแล้วทำได้ดีก็รอด แต่บางรายเปลี่ยนไปแล้วไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองถนัดก็ล่ม

แต่ถ้าไม่ปรับไม่เปลี่ยน ก็มีสิทธิ์ล่มสูงเกือบจะแน่นอน เทคโนโลยีสมัยนี้มันไปเร็ว จะคิดเหมือนยุคอุตสหกรรมอยู่เห็นทีจะรอดยาก
   



ต่อไปนี้คือตัวธุรกิจที่คัดลอกมาจากเพจ  https://www.facebook.com/SenseOnFilms
Special Pick!! : โลกนี้ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนจริงๆครับ...

เชื่อว่าเกิน 70% ของแฟนๆภาพยนตร์ ย่อมเคยคุ้นหูกับชื่อของร้านเช่าหนังอย่าง Blockbuster กันมาบ้างนะครับ...(บ้านเราก็เคยมีเปิดหลายสาขาเหมือนกัน)

ซึ่งในสมัยก่อนหนัง...ความบันเทิงในรูปแบบภาพยนตร์นั้นสามารถที่จะเสพได้จาก โรงภาพยนตร์ และ จากการเช่ามาดูที่บ้านเท่านั้น...ซึ่งการที่จะละเมิดลิขสิทธิ์นั้น ทำได้ยุ่งยาก และ ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่...

(ใครยังจำ Right Shop ของ Right Pictures กับร้านเช่าของ CVD ได้บ้างครับ?? ^-^)

แต่จากการที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะการก้าวข้ามผ่านจาก ม้วน VHS ไปสู่รูปแบบของแผ่น CD/DVD และ Blu-ray...รวมทั้งพัฒนาการของความเร็ว internet นั้น...ทำให้เกิดช่องทางในการละเมิดลิขสิทธิ์ได้มากขึ้น และ ทำได้ง่ายขึ้น...ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเช่นกัน...สื่อบันเทิงต่างๆนั้นได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งวงการเพลง, ภาพยนตร์, เกมส์ และ software ต่างๆ...

ในส่วนของภาพยนตร์นั้น...ค่ายหนัง และ โรงภาพยนตร์ จะต้องปรับตัวเพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปแล้วนั้น...ซึ่งก็สามารถประคับประคองเอาตัวรอดได้บ้างอย่างยากลำบาก (และโรงภาพยนตร์ก็กำลังจะเดินทางเข้าสู่จุดจบในอีกไม่ช้า...)

แต่สำหรับร้านเช่านั้น...ไม่มีหนทางที่จะต่อสู้กับสภาวะนี้ได้ครับ...ทั้งจากการแผ่นผี หนังซูม บริการชมภาพยนตร์ทาง internet...และที่เลวร้ายที่สุด คือ การโหลดเถื่อน...

ยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของโลกอย่าง Blockbuster ที่เริ่มกิจการร้านเช่าวิดีโอมาตั้งแต่ปี 1985 ก็เอาตัวไม่รอดครับ...ขาดทุนมหาศาลมาหลังจากที่ออกจากการดูแลของ Viacom ตั้งแต่ปี 2004...แม้ว่าจะปรับรูปแบบการให้บริการมาเป็นแบบ ส่งให้เช่าถึงบ้าน ก็ตาม...จนสุดท้ายก็เข้าสู่สภาวะล้มละลายในปี 2010...

Dish Network ผู้เป็นเจ้าของช่องทีวีดาวเทียม ได้ซื้อกิจการของ Blockbuster LLC ไปในปี 2011 ด้วยมูลค่า...320 ล้านเหรียญ!! ซึ่งทาง Dish ก็หวังที่จะปลุกชีพของ Blockbuster ให้ฟื้นคืนมาอีกครั้ง ในรูปแบบของการให้บริการ streaming media เพื่อแข่งขันกับ Netflix นะครับ...ทำให้ต้องลดจำนวนร้านเช่าวิดีโอลงไป...จากที่เคยเปิดถึง 4,000 สาขาทั่วอเมริกา...กลับต้องปิดลงไปหมด เหลือเพียงแค่ประมาณ 600 กว่าสาขาเท่านั้น...

และช่วงต้นปี 2013 นี้...Dish ได้ปิดสาขาของ Blockbuster ไปอีกกว่า 300 แห่ง...จนสุดท้าย...ได้ประกาศปิดสาขาที่เหลือในอเมริกาของ Blockbuster ลงไปหมดแล้ว รวมทั้งบริการส่งให้เช่าถึงบ้านด้วยครับ!!

ซึ่งทุกอย่างจะสิ้นสุดจริงๆในช่วงกลางเดือน มกราคม ปีหน้า...แต่ว่ายังคงให้บริการหนังเช่าส่งไปยังร้านค้า franchise, ช่องเคเบิล และ การชมภาพยนตร์แบบ online streaming อยู่นะครับ...

---------------------------------------------------

ผลของการละเมิดลิขสิทธิ์ มันรุนแรงกว่าที่เราคิดกันมากนะครับ...สนับสนุนของแท้กันดีกว่า ทั้งภาพยนตร์ และ ดนตรี...- -"


แนะนำ สอนการเล่นหุ้นการตีกราฟเทคนิคคอล

ตั้งแต่ไม่ได้ไล่ตีกราฟตามหุ้นที่เพื่อนๆแนะนำกันเข้ามา พักหลังข้อมูลหุ้นเอาไว้เข้าน้อยลงมาก ใครมีหุ้นตัวไหนในใจแนะนำกันเข้ามาได้นะครับ เดี๋ยวมาเช็คสภาพ เก็บข้อมูลไว้เทรดกัน

หรือว่าเพื่อนๆคนไหน ตีกราฟเองแล้วอยากเอามาแชร์กันก็ส่งมาได้นะ เดี๋ยวผมเอามาโพสลง ถือว่า เป็นแนวที่ต่างกัน จะได้หลากหลายครับ