วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ฟีดแบ็คหลังจากแนะนำให้ลองทำไดอารี่การลงทุนครับ

หลังจากนานแล้วที่เคยแนะนำให้ลองทำไดอารี่ในการเทรดของตัวเอง โพสกราฟของตัวเองโพสเนื้อเรื่องเนื้อหาที่เพื่อนๆศึกษามา

วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ช่วยในการตกผลีกความรู้ และทำให้เราศึกษาอยู่ตลอด ผมลองแล้วมันดีจริงๆจึงแนะนำต่อ

วันนี้มีชาวเพจหลายๆท่านที่ทักทายกลับเข้ามาพร้อมกับเอาเพจเอาบันทึกของท่านเองมาให้ดู บอกตรงๆรู้สึกดีใจนะ ปลื้มจริงๆ

ขอให้ทำต่อไป ทำเพื่อพัฒนาตัวเอง ครับ

สัขสันต์วันหยุดครับ

เก็บมาฝาก สถานการณ์เศรษฐกิจไทยหลังรัฐประหาร เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน

จากข่าวนี้  Indonesia Can Take Advantage of Political Turmoil in Thailand

เก็บมาฝากชาวไทยก่อนเปิดบ่าย

หอการค้าอินโดมองว่าเป็นโอกาสดีของดินโดที่จะสามารถฉวยโอกาสทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์ความยุ่งเหยิงในไทย เพื่อดึงนักลงทุนไปที่อินโดแทน(อินโดได้เปรียบไทยเรื่องตลาดภายในที่ใหญ่มาก และค่าจ้างแรงงานถูกกว่า ส่วนไทยน่าจะมีโครงสร้างพื้นฐานที่โอเคกว่า)

ตรงนี้สอดคล้องกับบทความหลายๆที่ที่บอกว่า

เงินทุนต่างชาติที่ไหลออกจากไทยไม่ได้ไปไหนไกล เพราะทั้งตลาดหุ้นและธุรกิจอื่นๆ ตลาดในเอเชียให้ผลตอบแทนคุ้มค่ามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เงินจึงโยกไปสู่ที่ๆมีความเสี่ยงน้อยกว่าในละแวกนั้นนั่นเอง

มาดูการวิเคราะห์กราฟหุ้น set Index และค่าเงินบาทกัน

ระหว่างแนวรับ ema200(ลูกศรสีเขียว) กับแนวต้านเส้น trend line(ลูกศรสีแดง) ใครจะชนะ ลุ้นด้วยกันครับ

เวลามันบีบๆแบบนี้ต้องระวังหน่อยนะครับ

นค่าเงินบาทก็ถ้ายืน 32.6 ได้ก็เตรียมอ่อน(ราคาตอนนี้ 32.65) ถ้าอ่อนแรงมันจะสะท้อนและคอนเฟิร์มทิศทางของฝรั่งที่ขายๆมาหลายวัน
แต่ถ้ายืนไม่ได้ย่อลงมาอีก ก็เป็นสัญญานที่ดีต่อตลาดหุ้น


สรุปการซื้อขาย ณ วันที่ 26 พ.ค. 2557 มูลค่าการซื้อขายรวม 45,499.36 ล้านบาท

#สรุปการซื้อขาย ณ วันที่ 26 พ.ค. 2557
มูลค่าการซื้อขายรวม 45,499.36 ล้านบาท

ข้อสังเกต เดือนนี้ หรือ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ฝรั่งขายเยอะๆตลอด แต่มีความขัดแย้งตรงที่เงินบาทไม่ได้อ่อนตัวมากมายอะไร ในช่วงนั้น เงินบาทมีกรอบรับต้าน ที่เป็นแนวออกข้างด้วยซ้ำครับ


โพสกราฟบ้าง ส่วนของเซท #ระยะสั้น มีจุดให้สังเกต แรงตามลูกศร สำหรับคนเล่นเร็วชอบเสี่ยง ก็เล็งกันเอา ส่วนระยะที่ยาวกว่านี้เดียวมาว่าอีกทีว่าถึงตรงไหน

โพสกราฟบ้าง ส่วนของเซท #ระยะสั้น มีจุดให้สังเกต แรงตามลูกศร สำหรับคนเล่นเร็วชอบเสี่ยง ก็เล็งกันเอา ส่วนระยะที่ยาวกว่านี้เดียวมาว่าอีกทีว่าถึงตรงไหน


อย่าเป็นทาสของเหตุผลให้เป็นนายของมัน

"อย่าเป็นทาสของเหตุผลให้เป็นนายของมัน "

คำพูดนี้เป็นแนวคิดหลักๆในการวิภาษหาข้อสรุป ผมไม่แน่ใจว่าต้นคิดมาจาก Hegel หรือ marx หรือเปล่า แต่น่าจะมาจากท่านใดท่านหนึ่ง ซึ่งทั้งสองมีความสำพันธ์กันทางความคิด

เริ่มที่ ปล ก่อนดีกว่า ปัญญา จะเรียกในภาษาอื่นว่ายังไงก็แล้วแต่ความหมายในที่นี้หมายถึงอะไรประมาณ การฟัง พบเจอ พูดคุยกับผู้รู้ เรียนรู้มาจาก #อดีต เช่น เรารู้ว่าเมื่อปาหินออกไปสุดท้ายแล้วมันจะตกลงบนพื้น เราไม่ได้รู้เรื่องนี้จากสัญชาติญาน(ถ้าอยู่ๆเราเกิดขึ้นมาในโลกแล้ววินาทีนั้นเราปาหินเราจะไม่รู้เลยว่าสุดท้ายแล้วหินจะตกลงบนพื้นเพราะความรู้นี้ไม่ใช่กระบวนการติดตัวอัตโนมัติแบบสัญชาติญาน) เรารู้เรื่องนี้เพราะ ความหมายของปัญญาที่ว่าก่อนหน้านั้นเอง ดังนั้นเราสามารถสรุปว่าเรารู้ว่าหินที่ปาออกไปแล้วจะตกลงบนพื้นได้ด้วยปัญญา กระบวนการปัญญานี้จะผลิตซ้ำอีก เมื่อเราตั้งปัญหาว่า ที่จริงอะไรทำให้หินต้องตกลง?

เกิดปัญหา->เสนอเหตุผล->พิสูจน์หรือถกเหตุผลนั้นๆ->สรุปโดยปัญญา --->นี่คือการใช้ปัญญาแก้ปัญหาโดยเหตุผลคือเครื่องมือ(เป็นนายของเหตุผล)

เกิดปัญหา->เสนอเหตุผล->ยึดติดกับเหตุผลที่ตัวเองเสนอ-->สรุปโดยใช้เหตุผลนั้น--->นี่คือการการใช้เหตุผลแก้ปัญหาไม่ใข่ปัญญา(เป็นทาสของเหตุผล)

เป็นนายของเหตุผลคือการที่เราระลึกได้เสมอว่าจุดประสงค์ที่เราจะเดินไปถึงสุดท้ายคือการแก้ปัญหา โดยใช้เหตุผลเป็นเครื่องมือ

เป็นทาสของเหตุผลคือการถูกเบี่ยงเบนให้แทนที่จะต่อสู้เพื่อแก้ปัญหากลับกลายเป็นต่อสู้เพื่อเหตุผลนั้นๆเปรียบเหมือนเราทำงานให้เหตุผลแทนที่จะทำงานให้การแก้ปัญหา

ยกตัวอย่าง ในส่วนของหุ้นในแบบเทคนิคคอล
1 มีหุ้นอยู่ในมือมีปัญหาขึ้นมาว่าจะขายตอนไหน?
2 เสนอเหตุผลเช่น เมื่อการไล่ราคาซื้อมีน้อยลง(หมีมา) แสดงว่าคนเริ่มอยากได้หุ้นนั้นในราคาที่สูงกว่านี้น้อยลงแล้ว แบบนี้ราคาอาจจะไม่ขึ้นไปอีก

3.1 การใช้เหตุผลเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา(เป็นนายของเหตุผล) หาวิธีพิสูจน์เหตุผลในข้อ 2 โดยวางเงื่อนไขตามแต่ประสบการณ์ของตัวเองที่ผ่านมาเคยเจอ เช่นกำหนดแนวรับตอนย่อ กำหนดแนวต้านตอนเด้ง ถ้าหลุดรับขาย ถ้าไม่ผ่านต้านขาย เป็นต้น เมื่อหลุดเงื่อนไขนั้น ปัญญาจะเป็นตัวบอกเราว่าควรขายไหม แบบนี้โอากสขายหมูจะมากน้อย ขึ้นอยู่กับปัญญาของตัวเอง(ประสบการณ์)นั้นตอบคำถามว่าทำไมเราต้องฝึกฝนไปในตัว
3.2 ใช้เหตุผล ข้อ 2 แก้ปัญหาไปเลย(เป็นทาสของเหตุผล) เห็นสัญญานของหมีมาปุ๊บขายเลย เพราะยึดมั่นในเหตุผลนั้นมากหมีมาแล้วต้องลงแน่ๆ จึงเชื่อและยืนยันเหตุผลนี้จนลืมเป้าหมายหลักไป วิธีนี้โอกาสขายหมูสูง สินค้าแต่ละอย่างมันไม่เหมือนกัน เราต้องไปศึกษาธรรมชาติของมันให้เกิดปัญญา เราถึงจะตัดสินใจได้ถูกต้อง ประสบการณ์=ปัญญา

ผมเขียนเรื่องที่ดูแล้วมันงงมันเหมือนไม่มีประโยชน์นี้ทำไม เพราะเรื่องนี้มันคลุกฝุ่นวุ่นวายอยู่ในเมืองไทย ผมไม่อยากยกตัวอย่างจากเรื่องการเมืองทั้งสองฝ่ายเพราะไม่อยากให้รู้สึกแย่กันเมื่อมีการเสนอว่าตรงนี้ตรงนั้นคุณอาจจะงงสับสนจนคิดผิด

แต่ลองตรองดูเถอะตอนนี้แต่ละฝั่งที่ฮาร์ดคอร์ในการเชื่อเหตุผลของตัวเองคุณกำลังตกเป็น "ทาสของเหตุผล" คุณไม่ได้ใช้เหตุผลเป็นเครื่องมือแก้ปัญหา

และเมื่อเรื่องนี้จบลงปัญหาจะไม่ถูกแก้(ซึ่งเรารู้อยู่แก่ใจ) เพราะคุณไม่ได้ต่อสู้เพื่อแก้ปัญหาคุณต่อสู้เพื่อเหตุผลของตัวเอง!

ใครอยากเปิดร้านอาหารมาอ่านข้อความสั้นๆอันนี้ก่อนเปิดนะครับ

จำไว้นะครับ ใครจะเปิดร้านอาหาร สิ่งสำคัญสุดๆคือ สอนให้พนังงาน กวาดสายตาไปให้ทั่ว มันสำคัญมาก ควรเป็นข้อบังคับที่ซีเรียสเลย

ข้อนี้ข้อเดียวจะสร้างความประทับใจในการบริการได้เยอะมาก

ไปกินข้าวร้านไหนแล้วเรียกเด็กเสริฟสามครั้งยังไม่หันมามัวแต่มองพื้นจัองเพดาน

ลูกค้าจะมีความรู้สึกอยาก จะส่งจานข้าวบินไปสะกิดใกล้ๆแทน 5555

หุ้นตกควรจับตาแรงเพื่อหาจังหวะเก็บ

หุ้นตกควรจับตาแรงเพื่อหาจังหวะเก็บ

แต่อย่าเก็บมั่ว ไม่ใช่ทุกตัวที่ควรเก็บ แรงตกยังเหลือ(convergence) เข้าไปรับเลยก็คือรับมีด

แรงตกอ่อนกำลัง (divergence) ถึงน่าลุ้นน่าเก็บ

การดูจังหวะดูแรงถ้าศึกษาไปพร้อมๆกันคงมีวิธีของตัวท่านเองกันทุกคนแล้ว

ขอให้โชคดีในการเก็บครับผม

ก.ล.ต ผมอยากให้จัดการกับพวกคนที่เอาเปรียบคนอื่นให้ครบทุกคนด้วยครับเรื่องแบบนี้มีอีกเยอะอย่าเลือกจัดการ

จากข่าว ก.ล.ต.ปรับ'มณฑาทิพย์ ชินวัตร'9.6 ล้าน
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทั้งจากสำนักข่าวและนามสกุลคนในข่าว ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะครับเอามาให้ดูเพราะว่า

อยากขอให้ กลต จัดการเอาจริงกับพวกไม่ซื่อสัตย์ ทำนาบนหลังเม่าพวกนี้ วงการหุ้นไทยจะได้เจริญก้าวหน้าครับ เอาถึงติดคุกเลยจะดีมากพวกจะได้กลัวที่จะเอาเปรียบคนอื่น

เป็นผมผมอายนะหากินไม่สุจริตน่ะ

สำหรับเพื่อนๆที่หาบทความวิจารณ์หนัง Inside job ไม่เจอมาดูจากที่นี้

อันนี้จะเป็นบทความที่อธิบายหนังสารคดี เกี่ยวกับช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ซึ่งแน่นอนมันเกี่ยวกับบ้านในโพสก่อนหน้านี้ ถ้าว่างลองไปอ่านเล่นตั้งแต่พาธแรกดูครับ

ปล ผมกลับไปอ่านแล้วเห็นว่าตัวเองเป็นคนพิมพ์ผิดเยอะมากยิ่งสมัยก่อนด้วย แต่ตอนนี้คิดว่าพัฒนาขึ้นมาบ้างนิดหน่อย จะพยายามเขียนให้อ่านง่ายๆผิดน้อยๆต่อไปนะครับ

ตามลิ้งค์นี้เลยครับ วิจารณ์ในแง่ มุนนักลงทุน
วิจารณ์หนัง inside job

วิเคราะห์เงินบาทเทียบ USD กันอีกครั้ง ทิศทางเงินอ่อนจะมีผลกับหุ้นยังไงมาดูกันต่อ

ค่าเงินบาททำท่าเบรกแล้ว แรงด้วยนะครับ อาการแบบนี้ชี้ว่าไม่ค่อยดีต่อหุ้น ถ้าเงินอ่อนแล้วหุ้นตกจริง เราก็มองข้ามช็อท ไปที่ เล็ง macd มันเลย ลูกศรแดงข้างล่าง ดูว่าถ้าทำ new hi ได้จะแรงกว่ายอดไฮที่แล้วสักแค่ไหน

ในกราฟวีค จะมีช่องให้ได้ลุ้น ไดเวอร์เจนซ์อยู่ครับ จากที่ผ่านมาเงินบาทไดเวอร์เจนซ์ระดับวันหลายๆรอบให้เห็นประจำ แต่ไดเวอร์เจนซ์ระดับ วีค ครั้งเดียว มักกลับตัวมาแข็งหรืออ่อนเลย ตรงนี้ลุ้นกันครับ

เหนืออื่นใด ชอบเครื่องมือไหนก็ใช้เครื่องมือนั้น ชอบอ่านงบก็อิงงบไปตามแผน ชอบอ่านคนอ่านโฟล์วในชาร์ทก็ทำไปตามนั้น


--------------------------------------------------------
พักนี้เห็นรายการทีวีที่ค่อนข้างตลกบ่อยๆ เลยมีคำเตือนขำๆแต่มีประโยชน์มากๆมาฝาก

เราควรมีระบบของตัวเองและซื่อสัตย์กับมัน เห็นทีวีบางทีเอาการวิเคราะห์หุ้นมาพูดคล้ายๆทำรายการก๊อซซิบดารา คนจะชอบกันมาก ถือว่าในทางธุรกิจเข้าทำแผนได้เยี่ยม แต่ในชีวิตจริงมันไม่ง่ายแบบนั้น

เพราะแบบว่าพูดเหมือนรู้ข่าววงในระดับไปแอบนอนใต้เตียงเขาแต่บอกไม่ได้นะว่ามีรายละเอียดยังไง เอามาพูดหรือเขียนต่อในสำนวนที่คนชอบ

ประเภทว่า ไม่มีหลักวิชาอะไรอ้างอิงสักอย่าง เอาราคาปิดมาเปิดประเด็นพร้อมกับพูดว่า "ฉันว่าแล้ว ! มันต้องเป็นแบบนี้ blahh blah บ้า"

พวกนี้มันแฝงมากับไอดอลในรายการทีวี และรวมถึงกระจายข่าวออนไลน์ด้วย ฟังแล้วคิดให้มากๆ เอาขำเอาฮาพอครับ

นักลงทุนอย่างเราต้องพึ่งตัวเองเป็นหลัก ศึกษาหาความรู้ พอเครียดแล้วค่อยไปดูรายการพวกนี้คลายเครียดเอาครับ

เด็กจบใหม่ตกงานกันเยอะ เราต้องต่างถึงจะมีงานทำครับ

ถึงน้องๆจบใหม่

ต้องหาเอกลักษณ์ให้ตัวเอง คนจบมาเยอะดูภายนอกจะเหมือนกันหมด เราต้องรีบหาจุดขาย หาเอกลักษณ์จุดเด่น ให้ตัวเองฉีกหนีออกจากคนส่วนมาก

ถ้าคิดจะเอาแค่ความรู้จากในรั้วไปสู้กันคุณจะถูกกลืน ทุกวันนี้โอกาสพัฒนาตัวเองด้วยตัวเองมีเยอะ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องเข้าไปฝึกงานสถานเดียว คนจบออกมาเยอะ ต้องเพียรสองเท่า ฉีกตัวเองออกจากกลุ่มให้โดดเด่นได้ ก็สบายไม่มีปัญหา

เพิ่มเติม คุณ ตัน คือตัวอย่างหนึ่งของการทำให้ตัวเองไม่ธรรมดาเหมือนคนอื่น การประกาศตัวเอง(ทำ marketing ให้ตัวเอง)สมัยนี้ไม่ยากเหมือนที่คิด ทำผลงานและประกาศลงอินเตอร์เน็ตตั้งแต่ยังเรียนอยู่ได้ คุณจะมีภาษีกว่าคนอื่นเยอะมาก มันบ่งบอกว่าคุณเป็นนักเรียนรู้

สิ่งที่ประกาศลงถ้าเข้าถึงคนหมู่มากได้ก็ยิ่งดี ถึงจะเงียบๆก็ไม่เป็นไร เวลาไปสมัครงานเราเอาไปให้เขาดูได้ ถ้าทำสม่ำเสมอ มันแสดงให้เห็นความพิเศษของเราหลายอย่าง เป็นพอร์ทฟอลิโอของคนรุ่นใหม่

เพราะว่าเรายังใหม่ จึงควรทำให้เขารู้ว่าเราเป็นักเรียนรู้ เขาจะไม่สนสิ่งที่เราไม่รู้เลย ถ้าเขามั่นใจว่าเราเรียนรู้ได้

อย่าธรรมดา


ปรากฏการณ์แห่ทิ้งใบจองคอนโดน เก็บมาฝากระวังไว้ไม่เสียหลาย

เอามาฝากระวังไว้ไม่เสียหลายแต่คงไม่ต้องถึงขนาดตื่นตระหนก  จากข่าวนี้ ลูกค้าแห่ทิ้งใบจองคอนโด

เพิ่มเติม ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มดีขึ้นจริง อนาคตอันใกล้ คงลดเงินช่วยเหลือเศรษฐกิจลง แล้วเงินคงได้ไหลกลับไปทางโน้นเพิ่ม

เงินไหลกลับทำให้ เงินบาทจะอ่อน เพราะคนต้องขายเงินบาทเพื่อถือ usd ก่อนเอากลับ

เมื่อเงินบาทอ่อน อสังหาริมทรัพย์ที่สร้างกันเยอะมากช่วงที่ผ่านมาหลายๆที่กเขาก็ยังจำเป็นต้องใช้หนี้อยู่ครับ มันก็ใช้หนี้แพงขึ้นนั้นเอง

เงินบาทอ่อนมีผลกระทบเยอะ ทั้งหุ้นด้วย และส่วนของการนำเข้าทุกอย่าง ส่วนที่ให้ประโยชน์นั้นคงเป็นพวกธุรกิจส่งออกที่อิงกับวัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก

ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบว่าจริง ไปลงทุนกลุ่มไหนได้ประโยชน์ ควรเลี่ยงกลุ่มไหนจะเห็นลางๆ ให้ได้เตรียมตัวกัน

ทั้งหมดนั้นคือข้อสมมุติฐานว่าผลอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเกิดเหตุแบบที่ว่า

ค่าเฉลี่ย เส้น ma สำคัญกับการวิเคราะห์หุ้นทาง เทคนนิคคอลมากกว่าที่คุณคิด

ถ้าให้น้ำเป็นสารตั้งต้นของหลายๆสิ่งในโลกนี้ ค่าเฉลี่ยก็เป็นสารตั้งต้นของการตีความหมายกราฟราคา

อินดิเคเตอร์ (Indicator) จำนวนมากที่เป็นที่นิยมใช้กันมักมีต้นกำเนิดมาจากค่าเฉลี่ยนี้เป็นส่วนมาก

ต่างกันที่คนปรุงอินดิเคเตอร์จะเอาไปปรับไปผสมกับสิ่งอื่นยังไงเท่านั้น

ดังนั้นถ้าเราเน้นทำความเข้าใจค่าเฉลี่ยให้ดี การตีความอินดิเคเตอร์ต่างๆก็จะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ลองแยกดูว่าค่าเฉลี่ยมันมีพื้นมาจากอะไร ในแต่ละกรณีที่ทำให้ค่าเฉลี่ยที่ได้ต่างกันมีปัจจัยอะไรบ้าง สังเกตุและตั้งคำถามกับมันเยอะๆ เราจะรู้ว่าค่าเฉลี่ยนี้มีหลายสิ่งที่เรามองข้ามไป

ตรงนี้สำคัญนะครับ สำคัญมาก อย่ามองข้าม ค่าเฉลี่ยไม่ได้มีแค่เอาเลขมารวมกันแล้วหารเอาค่ากลาง มันยังบอกลักษณะเฉพาะอีกมากมาย

ถ้าเข้าใจตรงนี้มันจะไม่แปลกเลยที่ต่างคนจะมีอินดิเคเตอร์ของตัวเองครับ


วิเคราห์เงินบาท usd ว่าจะอ่อนหรือแข็งในช่วงนี้

กราฟเงินบาทรูปแรก ระยะสั้น ช่องระหว่างลูกศรนั้น เป็นช่องแนวรับแนวต้านระยะสั้น ถ้าเบรก แนวต้านสั้นนั้นก็อาจทำเบรกต้านกราฟวันได้ด้วยครับ ส่วนแนวรับถ้าถูกเบรก จะเห็นว่ามีเส้น ema 200 รองไว้ที่ระดับวันอีกรอบ

1 ถ้าเส้น ema 200 ระดับวันนี้โดนเบรกอีกที แสดงว่ามีการเข้าถือเงินบาทเพิ่มขึ้นจริง ซึ่งอาจจะมีความเป็นไปได้ว่ามีเงิน us แลกเข้ามาซื้อเงินบาท "ใหม่" จริง ตรงนี้ก็มีแนวโน้มพอจะพูดว่าฝรั่งที่เข้ามาเดือนนี้อาจจะ เอาเงินเข้ามาเพิ่มจริงๆ ต่อไป ถือว่าทำให้หุ้นมีทิศทางขาขึ้นที่แข็งแกร่ง

2 ถ้าแนวต้าน ที่ว่าโดนเบรก นั้นก็ชี้ให้เห็นว่า ตอนนี้คนมันยังไม่ได้เข้ามาถือเงินบาทเพิ่มเพื่อลงหุ้น(ตรงข้ามกันกับข้อ 1 นั้นแหละ) ฝรั่งที่เข้าๆอยู่ก็จะมีความแน่นอนน้อย หรือถ้าฝรั่งยังเข้าสุทธิต่อไป ในเดือนหน้าอยู๋ ก็น่าจะเป็นเงินเดิมไม่ใช่เงินใหม่ ทั้งนี้ถ้าเบรกขึ้นจริง ในระดับวันหรืออาทิตย์ มีสิทธิ์เห็น bear divergence คือ จุดที่ต้องชั่งใจว่าจะขายเงินบาททิ้งต่อหรือไม่ จะกลับไปซื้อเงินบาทแล้วมาแช่ในหุ้นดีไหม

3 ในระยะยาว ถ้าเกิดข้อ 2 คือเงินบาทอ่อนไปอีกสักอย่างน้อย 33.20 ตรงนี้จะเป็นจุดวัด พอย่อปุ๊บ จะมีช่อง ให้เงินบาทแข็งมากที่สุดตั้งแต่เดือนกันยาปีที่แล้ว และถ้าเกิดตามสมมุติฐานที่ข้อ 2 จะเป็นช่วงที่หุ้นจะขึ้นแบบสบายใจมากกว่าตอนนี้

4 อันนี้เรื่องของตอนนี้ เงินบาท วิ่งเข้ากรอบที่แคบลงเรื่อยๆ จะเรียกว่าออกข้างก็ได้ ดังนั้นมันจึงไม่มีทิศทางที่ชัดเจน จึงไม่สามารถสรุปได้ว่า มีเงิน us ใหม่ๆเข้ามาแลกเงินบาทเพิ่ม เพื่อลงในหุ้นครับ

5 ถึงจะเป็นเงินเดิม สำหรับคนที่เล่นทุกรอบก็น่าตาม แต่ต้องระวังมากกว่ารอบที่ผ่านมาเยอะๆ

ส่วนกราฟเซทค่อนข้างเหมือนเดิม ดูอันเดิมล่างๆก็ได้ครับ

ว่าด้วยเรื่องการบินไทยหุ้น Thai วิจารย์กันขำๆ

จากกระทู้นี้ในเว็บ พานทิป --> http://pantip.com/topic/31966899

ไม่วิจารณ์กิจการอะไรให้มาก กิจการการบินที่ตั้งอยู่เมืองไทยตามภูมิศาสตร์แล้วมันน่าจะโอเค แต่ถ้าทำได้ไม่ดีนั้น หลายๆคนคงมีข้อสงสัยว่าทำไม ในใจของใครของมันซึ่งผมคิดว่าคงจะคิดคล้ายๆกันเยอะ

แต่มีจุดน่านำมาฝากคือ ธุรกิจที่แย่ๆจนถึงที่สุดก่อนออกหัวออกก้อย ว่าจะอยู่ต่อหรือจะเจ๊ง มันต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรแรงๆ แบบว่าดิ้นเฮือกสุดท้ายสิน่า

ตรงนี้จับตาดูกันครับ ถ้าเปลี่ยนแปลงตรงสิ่งที่เราตั้งข้อสังเกตุไว้ตั้งแต่ต้นว่าเป็นสาเหตุของความล้มเหลวได้จริง อาจจะเป็นหุ้นที่คุ้มค่า(ในเวลานั้น)

แต่สิ่งที่มักเกิดในสังคมเราก็คือ รัฐอุ้มแล้วทุกอย่างก็ยังเป็นแบบเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง ถ้าออกทางนี้ก็เอเมน เป็นไปตามเวรตามกรรม

จะยังไงก็เอาใจช่วยแล้วกันครับ

ดูกราฟ เซ็ทอินเด็กซ์ set index กันหน่อย

ช่วงนี้งานเยอะมากว่าจะมาสรุปวันก่อนก็ไม่ได้ทำ แต่กราฟเก่ายังใช้ได้ เส้นขาวนั้นยังไม่เบรก แต่ก็ยังไม่หลุดเส้นแนวรับสีแดงข้างล่าง

ยังได้ลุ้นกันต่อไป แต่ถ้าหลุดเส้นแดงข้างล่างต้องเริ่มปรับแผน รับมือ จะไปรองเก็บที่ไหนว่ากันอีกที ตอนนี้ราคาวิ่งเข้ามุมไปก่อน

กำลังอ่อนมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วครับ จากนี้ไปถ้าย่อถ้าอะไรยิ่งฝรั่งเก็บยิ่งจะเห็นชัด งวดเข้ามาทุกทีครับ

เอาอันเดิมตามนี้นะครับ

กราฟเซทสั้นกับยาว เส้นขาวนั้นถ้าเบรก ต้านสำคัญๆจะอยู่อีกไกลพอสมควร ส่วนรายละเอียดร่วมกับค่าเงินบาท สรุปพร้อมกันตอนเย็น รวมถึงมูลค่าการซื้อขายครับ




กรูรู้ทำนายฟองสบู่ธุรกิจไอทีแตก รุนแรงกว่าเดิม

เอาข่าวอ่านเล่นมาฝาก

เพิ่มเติมนิดหน่อย ธุรกิจไอทีของไทยเราส่วนมากเป็นแบบเดียวหรืออย่างน้อยก็ คล้ายๆ กับธุรกิจขายของ หรือ รับจ้างทำมากกว่าตรงนี้แตกต่างกับเมืองนอกที่ขายไอเดีย จากตรงนี้ในเมืองนอกความไม่มั่นคงของไอเดียจึงเป็นปัญหามาตั้งแต่รอบก่อน

คนส่วนหนึ่งจึงเตือนเรื่องความเข้าใจยากของธุรกิจไอที หรือ ธุรกิจที่ขายไอเดียพวกนี้

ผมทำธุรกิจพวกนี้อยู่อยากบอกว่า ธุรกิจไอที(ไอเดีย) มันต้องทำงานสองชั้นเป็นอย่างน้อย ไม่เหมือนทำแล้วขายเลย ทำแล้วคนชอบไหม ถ้าชอบถึงหาวิธีหาเงินอีกที ตรงนี้คนวงนอกจะบางทีจะเข้าใจมันยาก

ไว้ว่างๆจะมาเขียนเรื่องนี้ ห่างหายกับการเขียนยาวๆน่าเบื่อๆมาพักใหญ่แล้ว

อ่านข่าวที่ว่าได้ที่นี้้
กรูรู้ทำนายฟองสบู่ธุรกิจไอทีแตก รุนแรงกว่าเดิม

ปิดคอมวันหยุดมาหลายวัน วันนี้ลงกราฟสักหน่อยนะครับ วิเคราะห์กราฟเซ็ทอินเด็กซ์ ตลาดหุ้นไทย set index

ปิดคอมวันหยุดมาหลายวัน วันนี้ลงกราฟสักหน่อยนะครับ อันแรกเป็นกราฟวันของ set ราคาตอนนี้เข้ากรอบบีบของแนวรับแนวต้าน ของเส้นเลข 2,3 ตรงนี้ถ้าเบรกได้ ต้านต่อไปคือ 1451 ครับ แต่ถ้าหลุดเส้นเลข 2 ลง อันนี้ต้องรีบเซฟตัว สังเกตุ macd ประกอบกันครับ

ในกราฟที่ 2 เป็นกราฟในระดับ 120 นาที เราเห็น macd เริ่มเตือนในระดับวัน เราก็ต้องวางเงื่อนไขเหมือนที่เคยบอกในโพสล่างๆ "เส้นเงื่อนไข" ตามศรชี้เลยตรงนี้ถ้าหลุดคงต้องมีแผนเซฟตัว ส่วนแนวต้านต่อไป ในระยะสั้นจะเป็น 1435 แนวรับ 1391 และแถวๆเส้นเงื่อนไขนั้นแหละครับ

เอาแนวต้านและแนวรับของระดับวัน กับ 120 นาทีไปพิจรณาประกอบกันเพื่อใช้ร่วมในการเทรดครับ

เดียวไปดูเงินบาทต่อ ตามลิ้งค์นี้ วิเคราะห์ค่าเงินบาท

การวิเคราะห์ค่าเงินบาท ว่าจะอ่อนหรือแข็ง ดูตรงไหนยังไง

ต่อไปมาดูกราฟค่าเงินบาทกันหน่อยนะครับ กราฟแรกเป็นระดับวัน ดูแนวรับแนวต้านต่างๆ ตรงราคาแถวๆวงกลมนั้น เป็นแนวรับจากเทรนด์ไลน์ที่กำลังเทสอยู่ ตรงนี้จะเอาอยู่หรือไม่ ดูแรงแล้วมันเป็นจังหวะให้ได้ลุ้นย่อ สุดท้ายราคาอาจจะเด้งขึ้นไปอีก แต่มันจะดูฝืนๆขึ้นเรื่อยๆ คือ divergence อาจจะเห็นชัด ตรงนี้สังเกตุร่วมกับกราฟเซ็ทข้างล่างมันจะ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับเงินบาทนี้

ในรูปที่สอง เป็นกราฟไทม์เฟรมระยะสั้นลงมา ถ้าเริ่มนับจากขาลงคือเงินบาทแข็งรอบนี้ ถ้าใครชอบดูเวฟหรือ ดูด้วยกันมาสักพักแล้วคงจะดูออก สังเกตุประกอบกับ macd จะยิ่งเห็นชัด ถ้าคนชอบ pattern ก็จะมีคิดในใจแล้วว่าอาจจะเกิดหัวไหล่อะไรแบบนั้น (อันนี้ผมไม่สันทัด)



เอาง่ายๆแนวรับที่น่าจับตาตอนนี้คือที่ แถวๆปลายศรแดง 32.3 ประมานนั้น ถ้าตรงนี้ไม่หลุด ก็อย่าเพิ่งไว้ใจว่าฝรั่งเข้ามาแล้วจริงๆ

ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแต่แผนใคร ไม่มีการแนะนำกันมาก แต่เอาพอหอมปากหอมคอ ถ้าไม่เล่นสั้นจริงๆ เริ่มวางเงื่อนไขเก็บบ้าง แล้วถ้ามีย่ออีกทีในเซท ก็ถือข้ามไปเลยก็คงไม่ใช่ปัญหามากมาย

แต่อย่างที่บอกครับแผนใครแผนมันคิดเอาเองวางแผนเอาเอง

การถกเถียงเรื่องการใช้ เทคนิคคอลในการวิเคราะห์หุ้น ว่าทำได้จริงหรือ

เวลามีข้อข้องใจ อันไหนอยาก ถก อยากถาม ถามในนี้ถ้าผมรู้ผมก็ตอบ ถ้าไม่รู้ หลายๆครั้งก็มีเพื่อนๆ เข้ามาช่วยตอบอันนี้สร้างสรรค์นะครับ อันไหนผิดจะได้รู้อันไหนถูกจะได้เข้าใจกัน

แต่ถ้าเห็นเข้ามาพิมแบบไม่ได้รับการสั่งสอนจากครอบครัวผมก็คงขออนุญาตลบและแบนไป ไม่สามารถเสวนา กับคนแบบนี้ได้จริงๆ เสียประสาทครับ

คนที่คิดว่าดูกราฟแล้วทำให้รวย และที่คิดว่าดูกราฟคืออะไรที่โง่มาก คนทั้งสองประเภทนี้เป็นอะไรที่แตกต่างและสุดขั้วทั้งคู่

และจำนวนมากที่ใช้อีโก้ของตัวเองเป็นกะลาครอบ กันตัวเองออกจากสิ่งที่ไม่รู้ แทนที่จะอยากรู้ว่ามันได้เพราะอะไร หรือไม่ได้เพราะอะไร

ถ้าจำศิลหรือหลับอยู่ในกะลาของอีโก้ตัวเองแค่นั้นมันก็ไม่เดือนดร้อนอะไร แต่อย่าไปเที่ยวพูดถึงสิ่งที่ตัวเองปฏิเสธที่จะรับรู้หรือเรียนรู้ไปทั่วดีกว่าเนาะ

ผมพูดเสมอกราฟไม่เคยทำให้ใครทำนายอนาคตได้ แต่คุณรู้ว่าตอนนี้อะไรกำลังมาก อะไรกำลังน้อยในตลาดได้จาก สถิติ ที่แอพพลายมาเป็นกราฟ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นนั้นแหละ

คุณได้ข้อมูลตรงนี้คุณก็เอาไปประกอบการตัดสินใจของตัวเองในการซื้อขายอะไรต่างๆได้ดังนี้

เช่นคุณเห็นอยู่กับตาว่า สามเดือนมานี้ ไม่มีคนซื้อไข่ไก่เลยหรือซื้อน้อยลงมากๆ ราคาเลยตกลงเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับหลายๆเดือนก่อนนี้ ถ้าคุณเป็นพ่อค้า คุณอาจจะเปลี่ยนแผนพลิกเกมส์ของคุณ ให้ซื้อไข่ไก่มาขายน้อยลง ไปเพิ่มจำนวนไข่เป็ดมากขึ้นในสต๊อค แบบนี้เป็นต้น

และนี้คืออะไรที่เทคนิคคอลให้ มันไม่ได้ให้ไอ้เสี่ยวในกะลาที่ไหนรวยทั้งนั้น ย้ำว่ามันไม่ได้ให้ใครรวยทั้งนั้น

ผมเจอคอมเม็นต์ที่ไม่บ่งบอกถึงความเจริญของกำพืดคนมาแล้วรู้สึกสงสารในสิ่งที่เขาเป็น อันนี้บอกตรงๆว่าโมโห แต่พยายามไม่ด่าควายสวนไปเหมือนที่เขาด่ามา

เพราะคงไม่มีประโยชน์อะไรจะไปเถียงกับคนที่คิดแบบนี้กับชีวิต

ผมก็ได้แต่ขอให้ชีวิตของคุณโชคดีลุล่วงตลอดไปอย่าได้ไปเจอเหตุการณ์สิ่งใดที่จำต้องใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาครับ สาธุ

วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557

วิเคราะห์กราฟเซ็ท ประจำวัน ล่าสุดมาชิดแนวต้านสำคัญแล้ว

เข้าสู่แนวต้านสำคัญแล้วครับ สำหรับ #กราฟเซท ไล่ตั้งแต่แนวต้านเทรนด์ไลน์ สีชมพูนั้น จนถึง ตรงยอดเวฟ 1 เก่าคือ 1382 เป็นจุดที่ต้องระวัง

ถ้าผ่านได้ต้องแรงจริงๆ แรงเป็นพิเศษ

ยังไงก็เริ่มระวังๆกันบ้างนะครับ ถ้เบรกค่อยตามเต็มที่

วิเคราะห์หุ้นสิริ siri ตามที่ถามกันเข้ามาครับ

#siri 
วันนี้มาไล่ดูกราฟที่เพื่อนๆเพจ ถามค้างไว้ เพื่งถามบ้าง ถามค้างไว้นานแล้วบ้างขอมาตอบตรงนี้นะครับ (ช่วงนี้ผมค่อนข้างงานเข้าครับแต่เข้ามาดูตลอด)

สำหรับSIRI ต้องบอกไว้ก่อนผมไม่รู้ว่าธุรกิจเขาจะดีหรือจะแย่ต่อไปยังไง นะครับ ที่พูดตรงนี้คืออาการของคนที่เราอ่านได้จากกราฟว่าคนในตลาดทำอะไร และ รู้สึกยังไงต่อราคา ณ ตอนนี้นะ เข้าใจตรงกันนะครับ

ในส่วนของกราฟ ถ้าราคามันลงในอัตราส่วนมากแบบนี้ แนะนำให้ทำกราฟเป็นแบบ log นะครับ เพระอัตตราส่วนของการขยับของราคามันจะเปลี่ยน(ตรงนี้สำคัญว่าจะพูดตั้งนาน แต่ขอติดค้างรายละเอียดไว้อีกรอบนะครับ)

ตั้งแต่เริ่มขาลง นับเวฟก็จะประมาณนี้ เวฟ 3 ไปจบที่fibo 100 ประมาณนั้น ตรงนี้ทำไมถึงคิดว่ามันจบเวฟ 3 ไปดูที่ กรอบสี่เหลี่ยม A นั้นครับ

ผมแยกเป็นช่วงให้ดูว่าคนเขาคิดกันยังไง ช่วง A นี้จะเป็นช่วงเทกระจาด เป็นเวฟที่ 3 จะเห็นว่า MACD พุ่ง และโวลุ่มเยอะ มันคอนเฟิร์มกัน จบตรงนี้คือคนที่อยากขายเขาขายลงไปเยอะแล้ว ในขาขึ้นเราก็จะเห็นแบบเดียวกันนี้แหละ ในเวฟ 3ของขาขึ้น macd พุ่ง โวลุ่มเยอะ แต่ทิศทางตรงกันข้ามกับขาลงแค่นั้น พฤติกรรมบ่งบอกความรุนแรงของเทรนด์เหมือนกันครับ เมื่อราคาขึ้นไปเหนือเวฟ 3 ของขาขึ้นโดยปกติเราจำเป็นต้องเริ่มระวัง เพราะคนมันซื้อไปเยอะแล้ว

และในช่วงขาลงอย่างตอนนี้ จะสังเกตุได้ที่ ช่วง B ที่ตีกรอบไว้นั้น MACD ไม่ได้พุ่งลงเพิ่มขึ้นถึงแม้ราคาจะลง นั้นแสดงว่า ราคามันเริ่มลงแบบช้าลงเรื่อยๆ คือลงแบบมีคนกล้ารับนั้นเอง การลงแบบมีคนกล้ารับ มันเป็นไง ลองไปอ่านเรื่อง divergence หรือ เรื่อง macd ในบล๊อก หรือโพสเก่าๆที่ผมเคยโพสนะครับ

ราคาลงเรื่อยๆแบบมีคนรับ และดูโวลุ่มไม่มากแบบนี้ มันเป็นเพราะอะไร ก็เพราะคนในตลาดหลักๆ เขาขายไปตั้งแต่เวฟ 3 หรือ ที่ช่วง A ก่อนนี้เยอะแล้วไงครับ ตอนนี้คนที่ขายส่วนมากก็จะเป็นรายเล็กรายน้อย ขายไปเรื่อยเปื่อยวันละนิดละหน่อย ส่วนรายใหญ่นั้นเขาได้ขายส่วนที่ควรขายจนเกลี้ยงแล้ว เขาก็รอดูว่า พวกเม่าน้อยๆทั้งหลาย ขายจนหมดแรงหรือยัง ขายจนหมดแรงเป็นยังไง ก็คือ การที่คนรอรับเริ่มมีมากกว่า คนที่ตั้งขายนั้นเอง

ตั้งขายถูกลงอีกปุ๊บโดนช้อนเก็บปั๊บ อาการแบบนี้แหละคือขายจนไม่มีของจะขายแล้ว มันเป็นdivergence ค่าเฉลี่ย และ macd มันจะไม่ลงต่ำ เพราะ ราคาไม่โดนไล่แรงเหมือนตอนที่มีของจะขาย

พอไม่มีของจะขาย จะเกิดอะไรขึ้น คำตอบมีสองอย่าง อย่างแรกวิ่งออกข้างคือมีแต่คนเล็ง ปัจจัยบวกยังไม่มาชัดเจน เจ้มือยังเก็บไม่พออะไรเทือกนั้น และอีกอย่างก็คือเริ่มขึ้น คือขายจนไม่มีคนจะขายแล้ว ก็แสดงว่ามันกลับเข้าสมดุลแล้ว คนขายคนซื้อมีจำนวนพอๆกันหรือมคนซื้อมากกว่าก็วิ่งเลย

ไม่ว่าจะในขาลงหรือในขาขึ้น พอเจออาการแบบนี้ถ้าใครอ่านเพจนี้มานาน จะรู้เลยว่าผมจะบอกบ่อยๆเลยให้วางเงื่อนไข เพื่อเข้าในขาลง หรือออกในขาขึ้น โดยปกติผมชอบใช้ เทรนด์ไลน์ หรือใครชอบเส้ม ma อื่นๆก็แล้วแต่ถนัด

ลากเส้นที่เป็นแนวต้านของเทรนด์ไลน์ไว้ ถ้ามันเบรกก็ตามไปตามแผน แต่ถ้ไม่เบรกก็ปล่อยมันไป ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร

แผนในการเข้าคืออะไร แผนนั้นคือการจัดการหน้าตัก การออกแบบไม้ที่จะเข้าของใครของมันนั้นแหละครับ

เช่น ถ้าเบรกเทรนด์ไลน์เส้นใกล้นี้เข้า 1 ไม้ ถ้าเบรกเส้นถัดไป เข้าอีกสองไม้ ถ้าต้านถัดไปไม่ผ่าน ก็จัดการเซฟตัวเองตามแต่แผนใครแผนมัน

โดยรวมของ Siri อยู่ในช่วงปลายเวฟ 5 ขาลง ถ้าทุกอย่างคอนเฟิร์มว่ามันจบเวฟ 5 แล้ว ยังต้องมีเทสอีกว่า 5 เวฟขาลงที่ผ่านมานี้เป็นเพียงเวฟย่อยของ เวฟ a ของขาลงหรือเปล่า เพราะงั้นจุดเทสจะมีอีกเยอะกว่าจะแน่ใจว่ากลับตัวจริง

ผมเคยพูดว่า siri ยังเป็นขาขึ้น คนหลายคนหัวเราะ ว่าคุณคิดได้ยังไง ราคาลงมาจาก ห้าบาทกว่า เหลือสามบาทนี่นะขาขึ้น ซึ่งผมก็อธิบายไป ว่าไม่เถียงว่า ตรงห้าบาทกว่าลงมาสามบาทนั้นเรียกว่าขาลง

แต่เทรนด์ใหญ่มีเทรนด์เล็กซ้อนอยู่ครับ ถ้าเราถอยห่างออกไปดูไกลๆ เราจะเห็นครับ เวลาดูกราฟ อย่าไปดูไทม์เฟรมเดียว ดูให้ครบ ทั้งกว้างทั้งเล็ก

สุดท้าย ลองเปิดกราฟมองภาพใหญ่ (รูปถัดไปนี้แหละ)เอากราฟสัปดาห์ก็ได้ โดยเวลาเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงแฮมเบอร์เกอร์เป็นต้นมา ราคาตอนนี้ชิดเส้นเทรนด์ไลน์แนวรับ ของ "ขาขึ้น" พอเรามองตรงนี้ เราจะเห็นว่า ที่ลงมาเยอะๆนั้น มันไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติบ้าบออะไร เพราะตอนมันขึ้นไปเยอะๆ คุณจะแกล้งลืมมันไม่ได้ ราคาไปไม่ผ่านต้านก็ลงมาเทสแนวรับ ถ้าแนวรับเอาอยู่ก็ไปต่อ เอาไม่อยู่ก็เผ่น มันมีแค่นั้น

เทรนด์ใหญ่มีเทรนด์เล็กซ่อนอยู่ เทรนด์เล็กก็มีเทรนด์ที่เล็กกว่าซ่อนอยู่ครับ

วิเคราะห์หุ้น advanc

#advanc ช่วงนี้หลังไมค์ ของหุ้นที่ตกเป็นข่าวเกี่ยวกับการเมืองเข้ามาถี่ คิดว่าการเมืองจะทำให้มันลงไปแค่ไหนเยอะไหมมีคำแนะนำยังไง

มาเช็คกราฟแล้วก็คิดว่าถ้าที่ลงตอนนี้ของ advanc มันเกี่ยวกับการเมือง ก็ถือว่ามันเหมาะเจาะมาก(โดยส่วนตัวผมไม่สนข่าวและคิดว่ามันไม่เกี่ยวกันหรือถ้าเกี่ยวก็น้อยมาก เฉพาะรายย่อยแค่นั้น) ในกราฟแสดงให้เห็นว่ามันชนต้านพอดี พอชนไม่ผ่านมันก็ย่อแค่นั้นเอง เราเห็นอาการแบบนี้ในทุกสิน้าตามตำราเป๊ะ จึงทำให้ไม่คิดว่าที่ราคาลงมานี้มันเกี่ยวกับข่าวที่ว่ามันเป็นของทักษินสักนิด

ส่วนแนวรับตอนนี้คือ 200 ตรงราคานี้จะมีขนาดเป็น การย่อ 61.8% ของขนาดที่ขึ้นมาจาก 5iii - 5iv ถ้าตรงนี้ไม่หลุดจะตีว่าจบเวฟ 5 แล้วเตรียมเป็นขาขึ้นก็ได้โดยแนวต้านก็จะไปอยู่ที่แถวๆ 222 แต่ถ้าหลุด ก็มีสิทธิ์ ลงไปถึงทำนิวโลว์

ซึ่งถ้าถึง นิวโลว์ ดู macd ดีๆ ถ้าไม่เกลียดทักษินมากจนเกินไปก็ถือว่าน่าจับตามองนะ มีโอกาสเกิด divergence ในระดับวันได้



จังหวะของมันก็สอดคล้องกันกับเซท โครงกราฟ set กับ advanc หรือหุ้นตัวนำตลาดอีกหลายๆตัว แทบจะเหมือนกัน
(ซึ่งก็แน่อยู่แล้วเพราะมันเป็นกลุ่มนำตลาด)


#true ก็วิ่งตามกรอบของมันมาเป็นเดือนแล้ว ไม่มีอะไรแปลกไปกว่านั้น
ส่วน #intuch เหมือน น้าแอด เปี๊ยบ

เพราะงั้นน่าจะใช้เครื่องมือเดิม คิดคล้ายๆเดิม ใครชอบพื้นฐานก็ดูไปแนวเดิม ใครชอบ เทคนิค ก็เดิมไปตามปกติ

ข่าวฟังบ้างก็ดี แต่อย่าเอามันมาเป็นตัวตัดสิน น่าจะปลอดภัยกว่า

#dtac ก็ไม่มีอะไรต่างกับ advanc มากนัก แค่เพิ่งถึงต้านและกำลังเทสแนวต้านนี้ ถ้าไม่ผ่านก็คงจะไปในทำนองเดียวกันกับ advanc

bitcoin จะเกิดจริงเหรอ ถ้ามันจะล่มจะล่มเพราะอะไร ลองมาอ่านกัน

มีคำถามหลังไมค์มาเรื่อง bitcoin มาลองอ่านกันแบบบ้านๆ เอาแบบว่าถ้ามันจะเกิดสิ่งที่มันต้องมีน่าจะมีอะไรบ้าง

อันนี้เอาสั้นๆก่อน 

ถามว่า เทียบกับเงินปกติ พี่ว่ามันมั่นคงไหม อนาคตมีโอกาสเอามาใช้จริงป่าว
ตอบว่า เรื่องอนาคตมีโอกาสเอามาใช้จริงไหมนี้ไม่ฟันธง ถ้าโลกมนุษย์ ในอนคตกลายเป็นสถานที่ในฝันแบบ โอลิมเปีย อะไรแบบนั้นก็คงเป็นไปได้ เลย ด้วยเพราะข้อจำกัดมันมีเยอะอยู่ เช่น bitcoin มีสินค้ารูปแบบอื่นค้ำประกันเหมือนเงินปกติไหม เงินปกติอาจจะมี ทอง รัฐประเทศ ธุรกิจ หรือแม้แต่ระเบิดนิวเครียร์ ค้ำประกัน ว่าถ้าเงินปกติเจ็ง สิ่งค้ำประกันพวกนี้ยังพอจะทำให้เราอุ่นใจว่าจะมีการชดใช้บ้างจริงไหม นั้นคือเหตุผลที่เงินปกติมีชีวิต เพราะความเชื่อมั่นล้วนๆ เชื่อมั่นในสิ่งค้ำประกันนั้นมาก เงินสกุลนั้นก็มีค่าแบบพื้นฐานกว้างๆมากหน่อย ถ้าเชื่อมั่นในสิ่งค้ำประกันของเงินสกุลนั้นๆน้อย ค่าแบบพื้นฐานกว้างๆของมันก็จะน้อยลงตามไปด้วยนั้นเอง ส่วน bitcoin มีอะไรแบบนี้หรือไม่อันนี้ลองคิดต่อเองครับ

ถามว่า น่าเล่นไหมครับ
ตอบว่า แล้วแต่มุมมองของเราต่อมัน ถ้าจะเอามาเก็บตอนนี้ ผมว่ามันคงยังไม่ใช่อะไรที่เสี่ยงน้อย โอเค วันหน้ามันอาจจะมีอะไรบางอย่างทำให้มันถูกยอมรับอย่างกว้างขวางก็เป็นได้ แต่มันคืออะไรที่ "อาจจะ" คำว่า "อาจจะ" นี้มันบรรทุกความเสี่ยงไว้ครับ ถ้าคุณจะเล่น คุณควรบริหารคำว่า "อาจจะ" นี้ให้ดีๆ

ถามว่า พี่ว่ากราฟมันเหมือนหุ้นไหม
ตอบว่า อะไรที่มีการเก็งกำไร แล้วเอามาพล๊อตกราฟ มันก็เหมือนกันหมด bitcoin ก็ไม่ได้ยกเว้น ลองไปหาชาร์ทราคาของ bitcoin มาดูสิ เทส ไฮสองครั้งแล้วกำลังตก นั้นหมายความว่า คนได้ซื้อไปเยอะแล้ว ความต้องการน้อยลงก็ลงมาเป็นเวฟ 1-5 ซึ่งตั้งสมมุติฐานว่าอาจจะเป็นเวฟ a ของขาลงเหมือนกันเปี๊ยบกับการเก็งกำไรสินค้าอื่นๆ สาเหตุที่เหมือน เพราะว่า มันคือ การเก็งกำไรเพียวๆ ยิ่งเก็งกำไรมากแค่ไหน มันยิ่งเหมือนกันมากเท่านั้น

กิเลศของมนุษย์ ไม่ว่าจะซับซ้อนหรือผ่านพ้นไปนานแค่ไหน มันก็ยังมีหน้าตาท่าทางเหมือนเดิม มันทำซ้ำๆแบบเดิม แต่เปลี่ยนแค่สถานที่เวลา และตัวที่ถูกมันกระทำเท่านั้น

มนุษยมีสองส่วน
ส่วนที่หนึ่ง ศึกษามองเห็นแล้วว่ามันเป็นยังไงแล้วหาประโยชน์จากมัน
ส่วนที่สอง ไม่สนฟ้าสนดิน ก้มหน้าก้มตาให้กิเลศเล่นงานครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเลย

เป็นมนุษย์ ส่วนที่หนึ่ง กันนะ

ผลกระทบต่อพวกเราทุกคน จากการเปลี่ยนแปลงทางการเกษตรของไทยในอนาคคต ตอน 2

ผลกระทบต่อพวกเราทุกคน จากการเปลี่ยนแปลงทางการเกษตรของไทยในอนาคคต ตอน 2

จากตอนแรกผมพูดถึง การเข้ามาของกลุ่มทุนเกษตร และการทำทุกอย่างแบบครบวงจร จนแทบไม่เหลือช่องว่างให้ เกษตรกรรายย่อยเลย ซึ่งอ่านเล่นๆก่อนได้ที่นี้ http://thaitraderblog.blogspot.com/2014/03/1.html

ตอนนี้ขอว่าต่อโดยทำนาย(เดา) จากสิ่งที่เป็นในตอนนี้ ว่าอนาคตเกษตรกรไทยจะเป็นอย่างไ

1 จากการที่กลุ่มทุนเกษตรทุ่มทำทุกอย่างเองครบวงจร ตั้งแต่เพาะพันธุ์ ยันแปรรูปขั้นสุดท้าย รวมถึงขายปลีกขายส่งเองหมด อันนี้จะทำให้เกษตรกรรายย่อยหาที่แทรกไม่ได้เลย คำว่าไม่ได้เลยนี้คือไม่ได้จริงๆ คือปลูกผักมาก็ต้นทุนสูงแล้ว จะเอาไปขายในตลาดสดก็สู้ห้างขายผักไม่ไหว วันหน้ามันจะมีไปทุกมุมถนน เยอะยิ่งกว่าตลาดสดเทศบาลแน่ๆ ข้อนี้เดี๋ยวมันจะโยงมาถึงพวกเราที่ไม่ใช่เกษตรกรครับ

2 จากเหตุผลข้อแรก เกษตรกรไทยจะแทบไม่มีวันพัฒนาการผลิตไปมากกว่านี้ได้เลย คือผลิตมาก็ขายสู้เขาไม่ได้ ยิ่งทำมันยิ่งหมดไปกับต้นทุนที่สูงขึ้น คนจะไปพัฒนาอะไรได้ยังไง ต่างคนต่างทำ มันไม่เหมือนกลุ่มทุนเกษตร ที่เขาทำกันทีใหญ่ๆ ลงทุนพัฒนาอะไรไปมันก็คุ้ม มันก็ยิ่งได้ต้นทุนที่ถูก ดังนั้นเกษตรกรไทย จะถอยหลังไปเรื่อยๆ ผลผลิตที่ได้ก็ถอยหลัง

3 จากสองข้อแรก คนเกษตรกรกลุ่มหนึ่งก็คงต้องแก้ปัญหาด้วยการไปเป็นลูกจ้างกลุ่มทุนเกษตร ส่วนอีกกลุ่มก็จะยังดันทุรังทำต่อ(กลุ่มนี้ก็จะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับพวกเราอีกแล้ว)กลุ่มสุดท้าย เลิกทำไปหางานอย่างอื่นทำดีกว่า

4 จากเกษตรกรที่ยังดันทุรังทำต่อไปในข้อสาม และผนวกกับเหตุผลจากข้อแรก คือดันทุรังทำขาดทุนๆไป ขายสู้กลุ่มทุนเกษตรก็ไม่ได้ เกษตรกรไทยที่เหลือยังทำเกษตรอยู่จริงๆกลุ่มนี้จะกลายเป็นอะไรประเภท เอาหอมเน่ามาเทปิดถนน เอาหมูเอาเป็ดมาฆ่าหน้าสภา เอาไข่มาปากำแพงบ้านนายก เพื่อเรียกร้องเงินช่วยเหลือเฉพาะหน้า

ไม่กี่ครั้งแรกมันก็ยังเป็นเงินเฉพาะหน้าอยู่ ไอ้หลายๆครั้งเข้า มันคืออะไรในแบบที่เรียกว่าทำเป็นประเพณี คือนอกจากเพาะปลูกเก็บเกี่ยว ส่งขายเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ยังต้องทำอีกอันสุดท้ายให้จบตามประเพณีคือ ต้องไปประท้วงเอาเงินช่วยเหลือ (โดยที่เงินช่วยเหลือนี้ไม่ได้ทำให้เรียนรู้และแก้ไขปัญหา)

ทีนี้ก็ได้เกิดช่องสวยๆสำหรับพรรคการเมืองหัวใส ที่เห็นช่องว่างตรงนี้ เป็นโอกาสให้ได้ใช้หาเสียงสนับสนุน

(ตรงส่วนข้างล่างนี้ไม่ได้มีเจตนาว่าพรรคการเมืองไหนแบบเจาะจงจริงๆนะครับ คือในความคิดเห็นส่วนตัวผมคิดว่าในอนาคต ไม่ว่าพรรคไหน มันจะคิดกันแบบนี้ทั้งนั้น)

สิ่งที่พรรคการเมืองจะทำก็คือ สัญญาว่าจะให้ในสิ่งที่เกษตรกรอยากได้(ซึ่งปกติก็ประท้วงเอาแต่คราวนี้ไม่ต้อง) โดยที่สิ่งที่พรรคการเมืองให้ต้องไม่ไปแก้ปัญหาตรงนี้ให้หมดไป(เน้นว่าต้องไม่ใช่การแก้ปัญหา ต้องไม่ทำแบบยั่งยืน คือจ่ายแล้วจบ พอเลือกตั้งครั้งต่อไป ก็เอาไปต่อรองแลกเสียงคะแนนอีกที) เพราะถ้าปัญหาตรงนี้หมดไปนักการเมืองจะเอามุขไหนมาแลกเสียงอีกล่ะ

การทำแบบนี้มันจะเข้าวงจรอุบาท ที่ผมบอกว่ามันเกี่ยวกับเราทุกคนคือ แทนที่เงินภาษีจากทุกๆคนในประเทศ ที่เก็บไปจะเอาไปใช้ทำอะไรได้อีกเยอะแยะ หรือว่าเอาไปแก้ปัญหาเกษตรแบบตรงประเด็นเลยได้

แต่ว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะทำ เขาจะเอาเงินภาษีของทุกๆคนในประเทศไปเลี้ยงไข้เกษตรกร เพื่อที่จะเอาไว้ต่อรองคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง

เรื่องทั้งหมดนี้จึงสรุปมาได้ประมานนี้

กลุ่มทุนเกษตร --> กดเกษตรกรให้แย่ --> นักการเมืองเลี้ยงไข้เอาคะแนนเสียง --> พอได้คะแนนเสียงก็เอาไปแลกกับเงินสนับสนุน --> กลุ่มทุนเกษตร

วงจรอุบาทนี้เบียดเบียนเอาภาษีจากพวกเราทุกคนไปใช้เพื่อให้มันยังหมุนยังวิ่งอยู่ได้

วิธีการแก้ปัญหามันคงต้องใช้ความเข้าใจและจริงใจอย่างเดียว

ประเทศมันดูมืดมนนะครับ ในสถานการณ์ตอนนี้ ต้องทำความเข้าใจกัน

เกษตรกรไม่ใช่คนอื่น เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้มันแย่ และเราทุกคนควรเข้าใจและร่วมมือกันครับ

เวลานั่งดูหุ้นก็สังเกตเห็นว่ามีโวลุ่ม ตั้งสั่งซื้อเข้ามาเยอะ ทำไมสุดท้ายแล้วราคามันลง

มักมีคนถามผมว่า เวลานั่งดูหุ้นก็สังเกตเห็นว่ามีโวลุ่ม ตั้งสั่งซื้อเข้ามาเยอะ ทำไมสุดท้ายแล้วราคามันลง หรือมีแต่โวลุ่มสั่งขาย แต่ทำไมอยู่ๆก็พุ่งขึ้น

ถามไปถามมาได้ความว่านั่งจ้อง ช่องโวลุ่ม bid offer ในสตรีมมิ่ง 

ถ้าแบบนี้คงต้องบอกว่ามันมาวัดไรได้น้อยและเต็มไปด้วยกลลวง ถ้าจะดูโวลุ่ม ให้ไปดูโวลุ่มที่ซื้อขายกันแล้วจริง ดูในกราฟนั้นจะยิ่งเห็นชัดเพราะมันวิ่งไปด้วยกันกับราคาต่างๆที่เกิดขึ้น

ตรงช่องโวลุ่มในสตรีมมิ่งนี่เจ้าเอาไว้หลอกเม่า ตั้งซื้อไว้เยอะๆ ไว้หลอกขาย ตั้งขายไว้หลายๆไว้หลอกเอาของ ยากที่จะเดา มันเป็นเสียงปี่เสียงกลองชั้นดีเลยเอาไว้กระตุ้นเม่า ไปดูของจริงที่มีการซื้อขายแล้วจะช่วยได้มากกว่า

การมองแต่สตรีมมิ่งมันเหมือนมองเกมส์แบบคลุกฝุ่นบนเวทีเลย มันไม่เห็นภาพจริงภาพกว้าง ถ้าเอาแค่นี้มาตัดสินใจซื้อขาย บอกได้เลยว่า "เม่าของแท้"

วิเคราะห์กราฟ set และ set50

#กราฟเซท ตรงยอดเวฟ 1 แถวๆ 1382 นั้นเป็นต้านที่สำคัญต้านสุดท้าย ถ้าไปถึง ระวังๆหน่อย ถ้าเบรกเลยก็ดูจะเป็นอะไรที่ผิดธรรมชาติ ถ้าเบรกลองดู ฝรั่งให้ดีๆว่าเขาเอาไงเขาเอาด้วยไหม ถ้ายังไม่ได้เอาด้วยเหมือนเดิม อาจจะต้องระวังกันนิด คนไทยดันกันเองจะไปได้ถึงไหนไม่รู้

#set50 ยังพอมีแรงในระยะสั้นนี้ เทสต้านแถว 905 นี่แหละครับ

สวัสดีวันมาฆบูชา ถึงจะช้าไปหนึ่งวันแต่ยังดีกว่าไม่มา (เมื่อวานวุ่นไปนิดหนึ่งครับ)

สวัสดีวันมาฆบูชา ถึงจะช้าไปหนึ่งวันแต่ยังดีกว่าไม่มา (เมื่อวานวุ่นไปนิดหนึ่งครับ)

วันมาฆบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมโอวาทปาติโมกข์ เป็นธรรมมะที่บอกถึง
1 วิธีการเข้าถึงพระธรรมให้แก่พระสงฆ์ 
2 วิธีการเข้าถึงพระธรรมให้แก่คนทั่วไป
3 วิธีการเผยแพร่คำสอนที่ดีให้แก่พระสงฆ์

รายละเอียดมากกว่านั้นเป็นยังไงผู้สนใจลองหากันเองข้อมูลมีเยอะแยะครับในอินเตอร์เนต

อยากฝากถึงทุกท่านในวันนี้คือการแปลความของคำว่า ศาสนาในสังคมไทย คำๆนี้มาจาก ภาษาสันสกฤต มีความหมายถึงคำสั่งสอน หรือข้อปฏิบัติ ดังนั้นในบริบทของพุทธศาสนาของไทยนั้น ที่จริงแล้วศาสนาคือคำสอนหลักปฏิบัติที่เราสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อเป้าหมายให้เกิดความสุขความเจริญในชีวิต

ซึ่งทั้งนี้เราจับคู่ความหมายของคำว่า "ศาสนา" กับคำว่า "Religion" ว่ามีความหมายเดียวกัน ซึ่งพื้นฐานที่แท้จริงไม่ได้ตรงกันนัก คำว่า Religion นี้มีพื้นที่สันนิษฐานกันว่ามาจากคำว่า relation ความสัมพันธ์ ความเชื่อมต่อ กับพระเจ้านั้นเอง

ศาสนา จึงคือหลักปฏิบัติ ส่วน Religion เน้นไปที่การศรัทธา ทั้งนี้ไม่ได้ผิดหรือมีข้อห้ามอะไรถ้าคุณจะนับถือศาสนาพุทธ และศรัทธาไปด้วย

แต่ในแก่นแล้วถ้าคุณต้องการศึกษาธรรมะของพุทธ คุณอาจจะลองเน้นศึกษา ตั้งคำถาม ถกเถียงกับผู้รู้ ถึงข้อปฏิบัติ แบบนี้จะได้ผลดี มากกว่าที่คุณจะเชื่อเลยศรัทธาในพุทธ โดยยังไม่ได้พยายามทำความเข้าใจกับหลักปฏิบัติ

เขียนมายืดยาวสิ่งที่จะชี้ให้เห็นคือ ตอนนี้ในสังคมเราชาวพุทธ มักเข้าใจผิด เอาคำว่า Religion มาใช้เพียงอย่างเดียว คือฉันเชื่ออย่างเดียว พอเชื่อโดยที่ไม่ได้ใช้ปัญญาคิดวิเคราะห์ในตัวของข้อปฏิบัติที่เป็นธรรมะนั้นจริงๆแล้ว เราจึงเห็นความงมงาย และการบิดเบือนที่ถ้าใช้สามัญสำนึกธรรมดาก็รู้ว่ามันไม่ปกติธรรมชาติเกิดขึ้นมากมาย

นี้คือต้นกำเนิด ของคนแบบ เณรคำ หรือคนอื่นๆที่เคยเกิดขึ้นมาแล้

สุดท้ายนี้
แม้แต่การจะเข้าใจข้อปฏิบัติในธรรมะนั้นให้ได้จริงๆยังต้องตั้งข้อสงสัยแล้วถกเถียงหาเหตุผลเพื่อให้เราเข้าใจ ถ้าไม่ตั้งข้อสงสัยเชื่อเถอะพุทธ ไม่เกิด
นับประสาอะไรในโลกการลงทุนละครับ ไม่มีใครที่ควรจะพูดอะไรแล้วเราก็เชื่อหมดได้เลย

ในโลกนี้ไม่มีเทพที่จะผิดไม่ได้ ในการลงทุนมีไอดอลที่เราศรัทธานั้นไม่ผิด แต่จะผิดมากๆ ถ้าคุณเชื่อเขาโดยไม่ตั้งคำถามไม่คิดวิเคราะห์เลย

ถ้าคุณใช้แต่ศรัทธาต่อไอดอล ถึงสิ่งที่เขาบอกนั้นจะเป็นเรื่องจริง แต่คุณจะไม่มีทางเอาไปใช้เป็น เพราะคุณแค่เชื่อ คุณไม่ได้เข้าใจ

ในโลกของการลงทุน สิ่งที่ต้องมีนอกเหนือ ศรัทธา คือ ปัญญาอีกอันครับ ทั้งสองอันนี้ถ้าทำงานด้วยกัน คุณจะแกร่ง คุณจะเจริญ

ข้อให้เจริญขึ้นยิ่งไปครับทุกท่าน จากใจ Thai Trader

ผลกระทบต่อพวกเราทุกคน จากการเปลี่ยนแปลงทางการเกษตรของไทยในอนาคต ตอนที่ 1

ผลกระทบต่อพวกเราทุกคน จากการเปลี่ยนแปลงทางการเกษตรของไทยในอนาคต

ในอนาคตอันไม่ไกลนี้การเกษตรของไทยคงจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ยิ่งเมื่อ AEC เปิดเรียบร้อยแล้วจะมีกลุ่มทุน สิงคโปร์ มาเลย์ เข้ามาลงทุนการเกษตรเพิ่มขึ้นอีกมาก 

แม้ไม่ได้เข้ามาลงทุนในเมืองไทยโดยตรง แต่สินค้าเกษตรของอาเซียน ก็ขึ้นกับกลุ่มทุนเหล่านี้ทั้งสิ้น ถ้าท่านไปเที่ยว ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา ท่านจะเจอโครงการเกษตรขนาดใหญ่โตมโหฬาร ไม่ใช่แค่ร้อยไร่พันไร่ เรียกได้ว่าเป็นหมื่นๆแสนๆไร่กันเลย

เมื่อถามความกับคนขับรถพาเที่ยว เขาก็จะบอกว่านี่สวนยางของคนเกาหลี ถ้ดจากตรงนี้เป็นไร่กาแฟของคนเวียดนาม ข้ามแม่น้ำไปทางโน้นจะเจอไร่มันของคนสิงคโปร์ โผล่ออกซอยนั้นไปเป็นไร่อ้อยของคนมาเลย์ โน้นทุ่งข้าวของแขกอาหรับ ทางโน้นนั้นแหละครับไร่ข้าวโพดคนไทย ของซีพีอะไรสักอย่างนี่แหละ

สิ้นค้าเกษตรพวกนี้มันจ่อรอเป็นคู่แข่งกับสินค้าเกษตรไทยทั้งนั้น คนไทยปลูกข้าวได้ คนพม่า เวียดนาม ก็ปลูกได้ ถ้าเราไม่หลอกตัวเองจนเกินไป ข้าวที่ได้รางวัลคุณภาพช่วงหลังๆก็ไม่ใช่ข้าวไทยเรานะครับ

ยิ่งไปกว่านั้น ผลผลิตต่อไร่ของเขาไปไกลกว่าเราเยอะเลย เวียดนามนี้ไปไกลไม่เห็นฝุ่น เรามักอ้างว่าเราได้ข้าวน้อยเพราะเราปลูกข้าวคุณภาพ อร่อยกว่าข้าวพวกนั้น แต่ขอโทษเถอะครับ ข้าวไม่ใช่คาเวียร์ ข้าว(ที่เราคิดว่า)ดีนั้นมันไม่ได้ราคาต่างมากมายอะไรกับข้าวคนอื่น

1. กลุ่มทุนพวกนี้เงินหนาทำทีเป็นหมื่นเป็นแสนไร่ จึงลงทุนกับเครื่องมือและการวิจัยแล้วมันคุ้ม ยิ่งลงทุนยิ่งได้ต้นทุนที่ถูกลง ดังนั้นจึงขายของได้ถูกมาก
2. กลุ่มทุนพวกนี้ทำเองตั้งแต่วิจัยเมล็ดพันธุ์ เพาะปลูกให้ปุ๋ย เก็บเกี่ยว แปรรูป ขายส่งไปตามห้างค้าส่ง ขายปลีกไปตามร้านสะดวกซื้อ ส่งออกไปเมืองนอก ทั้งหมดนี้ทำได้โดยทุนกลุ่มเดียวที่คุณก็รู้ว่าใคร ทุกวันนี้แม้แต่ผัดกระเพราคุณก็หาซื้อกินได้ตามร้านสะดวกซื้อ (ถึงแม้จะเป็นกระเพราผีดิบรสชาติอุบาทก็เถอะ)

ทั้ง 2 ข้อที่ยกมาจะชี้ให้เห็นว่า ในอนาคตคนไทยไชโยของเราจะมีปัญหาใหญ่อย่างนึ่งที่แก้ไม่ได้ปัญหานี้เกิดจากอะไรไว้เดี๋ยวมาต่อ

วัฒนธรรมประหลาดของเราคนไทย อยากกินมะพร้าวดันไปขึ้นต้นมะขาม

อยากกินมะพร้าวดันไปขึ้นต้นมะขาม 
มีหุ้นตัวหนึ่งบัตรเครดิตอะไรประมานนั้น ตอนงบออกเมื่อปีหรือสองปีก่อนผมจำไม่ค่อยได้ งบออกขาดทุนแต่หุ้นขึ้นพรวดๆ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า งบขาดทุนเพราะ กันเงินไว้ไปทำอะไรสักอย่าง อะไรประมานนั้น บอกตรงๆผมไม่ค่อยเข้าใจหรอก(เพราะไม่เคยได้คลุกคลีอยู่ในธุรกิจนี้ เขากันเงินไปทำอะไรแล้วมันดีกับธุรกิจยังไง ผมมองไม่ออก) 

จึงได้บอกไปว่า ผมเชื่อว่าหุ้นขึ้นเพราะคนอยากซื้อแค่นั้นแหละ บริษัทจะเจ็งหรือจะรุ่งในอนาคตไม่มีใครรู้ แม้แต่ ผู้บริหารก็บอกชัวร์ๆไม่ได้หรอก

ถึงบริษัทจะเจ๊งถ้ามีอะไรสักอย่างมากระตุ้นให้คนอยากซื้อหุ้นแบบนี้มันก็ขึ้น แล้วถึงบริษัทมันจะรุ่งแต่ถ้ามีคนทำให้มีกระแสในตลาดแย่ๆ สักอย่าง คนก็อยากขาย หุ้นมันก็ลง มันมีแค่นั้นแหละ

ถ้าเราไม่ปลอบใจตัวเองมากไป เหตุผลที่หามาอธิบายว่าหุ้นขึ้นเพราะนั้นนี่ทั้งที่งบขาดทุน ผมคิดว่าหลอกตัวเอง

พูดจบปุ๊บรู้เลยว่าเขาต้องคิดว่าเรา กวนทีน

(ความคิดเห็นส่วนตัว)การวิ่งของราคามันเก็งกำไรทั้งนั้น ใช่อยู่วันหนึ่งถ้าธุรกิจดีๆ ฐานของราคาหุ้นแบบกว้างๆ ต้องเลื่อนไปตามผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นๆ แต่เวลาปกติหุ้นพุ่งๆขึ้นไปนั้น เขารอหรือพยายามทำให้คนหาเหตุมาอธิบายผลนี่แหละ แล้วจึงพาไปอยู่ดอยกัน ยิ่งไปดูกราฟจะยิ่งเห็นชัด มันมีจังหว่ะทางเทคนิคให้เห็นเยอะเลย

ถึงผมไม่รู้ว่าธุรกิจบัตรเครดิตเขาทำกันยังไง นอกจากจะโทรมาถามขายให้ลูกค้าวันเว้นวันแล้ว ผมคิดเอาเองว่าพวกนี้ต้องมีนักเทรดเก่งๆคุม พวกบริษัทการเงิน นี้มันตัวกลั่นทั้งนั้น เขี้ยวลากดิน

มาถึงตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าเหตุผลที่ว่าบริษัทเขากันเงินไปทำอะไรสักอย่างที่ว่านั้น ไปทำอะไรอีท่าไหน ราคามันถึงลงมา เกือบครึ่ง เงินที่กันไปนั้นไม่ทำให้ธุรกิจดีแล้วหรือไง

ตอนนี้ราคาลงมาใกล้จุดน่าจับตาทางเทคนิคเรื่อยๆ แต่เชื่อผมเถอะ คนที่คิดว่าตอนนั้นมันขึ้นเพราะเขากันเงินไปทำอะไรสักอย่างไม่รู้ ผมคิดว่าตอนนี้เขาไม่กล้าจับตาหุ้นตัวนั้นอีก

เขาจะจับอีกทีตอนที่หุ้นวิ่งแล้วมีคนพยายามทำให้คนในตลาดหาเหตุมาประกอบผลอีกนั้นแหละ คราวนี้จะเป็นเหตุผลไหนแปลกเท่าเดิมหรือไม่ก็ว่ากันไปอีกเหมือนเดิม

แน่นอนถ้าดูผลประกอบการ เพื่อจับตาการทำผลตอบแทนของธุรกิจมันก็อีก เรื่องราคาไปตามพื้นฐานอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่ซีเรียสในรายละเอียดการขึ้นรอบสั้นกลาง มันก็ไม่มีปัญหา

ถ้าอัตรากำไรหรือการเจริญเติบโตไม่เปลี่ยนก็ไม่จำเป็นต้องเครียด แต่ถ้าจับตาดูราคาอยู่ถ้าเราคาเปลี่ยนแล้วเครียด มันไม่ค่อยมีเหตุผลที่จะปฏิเสธเครื่องมือช่วยจับตา

อันนี้คือสิ่งที่ผมคิดเอาเองว่าการหวังอย่างหนึ่งแล้วไปทำอีกอย่างมันค่อยไม่เมกเซนซ์นะ

อยากกินมะพร้าวไปขึ้นต้นมะขาม อยากกินไก่ดันไปฆ่าเป็ด อยากเก็งกำไรไปเอาข่าวมาตัดสินใจ อะไรแบบนั้น