วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556

Elliott wave มันใช้ได้จริงหรือ เหตุผลของมันมีบ้างไหม ลองมาดูที่นี้ครับ

เมื่อผมพูดถึงเวฟนั้นเวฟนี่ในกราฟ คนจำนวนมากอาจจะคิดว่ามันปัญญาอ่อนไร้เหตุผล ราคามันจะขึ้นไปเป็นเวฟเท่านั้นแค่1 ถึง 5 นั้นได้ไง

มันไม่แปลกหรอกที่จะคิดว่ามันไร้เหตุผล เพราะถ้าดูเผินๆ ผมก็คิดว่ามันคือเรื่องบ้าบอ คอแตก แหกตาชาวโลก จะมาเวฟนั้นเวฟนี้ทำไม

   
แต่ทีนี้มันมีเหตุผลอยู่แบบนี้ครับ อย่างที่ผมเคยพูดประจำ เรื่อง
คลุมเครือ --> ชัดเจน -->คลุมเครือ
ชีวิตของราคาหุ้นมันมีวงจรแค่นี้จริงๆ
สมมุติว่า เริ่มจาก
1 "คลุมเครือ" ว่าจะขึ้นไหม == sideway
2 "ชัดเจน" ว่าขึ้น พอขึ้นไปเรื่อยๆแล้ว == uptrend
4 "คลุมเครือ" ว่าจะขึ้นต่อไปอีกไหม == sideway
5 "ชัดเจน" ว่าลงแน่แล้วคนไม่ซื้อในราคาที่แพงกว่านั้น ==downtrend
6 "คลุมเครือ" ว่ามันจะลงไปอีกหรือเปล่า == sideway
7 ก็กลับขึ้นไปที่ ข้อ 1 วนอยู่อย่างนี้จนกว่าบริษัทจะล้มหายตายจากไป

ผมก็ไม่รู้ว่าคนที่คิด elliott wave นี้เขาคิดแบบนี้หรือเปล่า แต่ว่ามันเข้ากัน และถ้าเราจะไปนั่งเขียนนั่งคิด แบบข้อ 1 -7 นั้นวนไปวนมา มันจะยากที่จะจินตนาการเห็นภาพ ซึ่งการทำเป็นเวฟ นี้แหละ มันทำให้เราคิดกับมันง่ายๆ หลับตาปุ๊บรู้เลยว่าเราอยู่ตรงไหน

เวฟ 1 "คลุมเครือ" ว่าจะขึ้นไหม
เวฟ 2 ชี้ชัดว่าเกิดเวฟ 1 คือไม่ลงไปต่ำกว่านั้นแล้ว
เวฟ 3 เมื่อ "ชัดเจน" ว่าไม่ลงไปต่ำกว่านั้นมันก็ขึ้นพรวต
เวฟ 4 ชี้ชัดว่าเกิดเวฟ 3 คนเก็งกำไรกันมามากละ พอใจที่จะขายแล้ว
เวฟ 5 "คลุมเครือ" ว่ามันจะขึ้นต่อไปอีกไหม

ทีนี้จะเห็นแล้วใช่ไหมครับ ว่าไอ้เวฟปัญญาอ่อนนี่มันเกี่ยวข้อง และมีเหตุมีผลยังไงกับอารมณ์ในตลาด

- ในความคลุมเครือใหญ่ จะมีความชัดเจนและคลุมเครือย่อยๆ รวมกันอยู่
- ในเทรนด์ใหญ่จะมีเทรนด์ย่อย รวมกันอยู๋
- ในเวฟใหญ่จะมีเวฟย่อยรวมกันอยู่
--------------------------------------------------------------
จบเรื่องเวฟ มาดูว่าเราต้องใช้อะไรร่วมกับเวฟ

การทายใจคนคนหนึ่ง มันยากเย็นสุดๆ กว่าการทายใจคนแสนคน ล้านคน เพราะไอ้คนๆเดียวนั้น มันมีแต่ออกหัวก้อย 50/50 เราเรียกการทายใจคนๆเดียว ง่ายๆ ว่าเดาสุ่ม นั้นเอง

ส่วน คนแสนคนล้านคนนั้น เรารู้ว่าส่วนใหญ่เขาคิดยังไงกันได้ เนื่องจากว่าเรามีวิชาสถิติ เราหาค่าเฉลี่้ย ของทัศนคติ ของคนกลุ่มนั้นต่อ เรื่องอะไรสักอย่างได้ มันจึงไม่ใช่เรื่องที่มีสิทธิถูก 50/50 ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือ มันไม่ใช่การเดาสุ่ม นั้นจึงเป็นสาเหตุให้โลกนี้มี
1 การทำโพล
2 การสำรวจวิจัยตลาด เพื่อวางแผนผลิตและจำหน่ายสินค้า
3 การดูว่าคนส่วนมากคิดยังไงกับหุ้นตัวนั้นๆ ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ

คนส่วนมากมั่นใจในทางเดียวกัน มันก็ชัดเจน
คนส่วนมาก ชั่งใจ กล้าๆกลัวๆ มันก็คลุมเครือ

ซึ่งแน่นอน ผมบอกแล้วการทายใจคนๆเดียว มันเดา มัน 50/50 ไม่เว้นแม้แต่การทายใจตัวเอง คุณเคยเซ็งกับการเคาะ ซื้อมั่วๆบ่อยไหม นั้นคือตัวอย่างที่ดีที่ชี้ให้เห็นว่า ทายใจตัวเอง ยากกว่า ทายใจคนแสนแค่ไหน

เราจึงเอา indicator ไปใช้ร่วมกับ elliott wave เพื่อจับตา การกลับตัว การเปลี่ยนทัศนคติ ต่อราคาหุ้น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กว่าการ นั่งจิ้ม นั่งคิดเดาใจตัวเองไปวันๆครับ

เพิ่มเติม เนื่อหานี้ที่นี้นะครับ --> คุณมองหาอะไรใน เทคนิคคอล คุณเริ่มศึกษาถูกทางหรือยัง มานี้ ที่นี้มีคำตอบ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น