วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

หลักการวิเคราะห์หุ้น เก็บทิศทางแล้ว ทำให้มันเป็นแนวทางในการเทรดยังไง ลองมาดูตัวอย่าง IVL

IVL ตามที่แนะนำให้ดูมานะครับ ผมจะเขียนแบบให้เอาไปคิดฝึกต่อได้นะ(ในวงเล็บนี้ผมเขียนเสร็จก็ขึ้นมาเขียนบอกที่นี่ว่ามันน่าจะมีประโยชน์มากถ้าคนอยากดูแรงของราคาเป็น)

อันนี้เราพูดกันแบบง่ายๆแบบบ้านๆไม่ต้องภาษาเทคนิคอะไรมาก ถ้าใครตามการตีกราฟของ Thai Trader มาสักพักจะมองออกเลย
ตัวเลขที่เขียนไว้ไม่ใช่เวฟ นะครับ อันนี้เอาปะไว้ให้เห็นว่าช่วงไหนยังไงเฉยๆ

เริ่มที่ช่วง 0-1 ดูราคาไล่ขึ้นไปเรื่อย macdo พุ่งปรี๊ดตาม ความหมายแบบบ้านๆคือ คนอยากได้มาก การที่ macdo(หรือ macd) พุ่งเพราะ คนไล่ราคาขึ้นทุกวัน คือให้ราคาสูงขึ้นไม่หยุดนั้นแหละแบบว่าไม่ขายให้ราคาตกเลย เคาะซื้อแพงขึ้นเรื่อยๆ อันนี้ให้เป็น #สมการที่1
   

หลังจากย่อจาก 1--> 2 แล้วก็เด้งขึ้นมาเป็น 3,4 ไอ้ตรงนี้ มันยึกยักๆ แล้วดูที่ macdo(หรือ macd) ราคาขึ้นไปเรื่อยแต่ macdo จมหายไปเลย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ก็เพราะว่า
- พอมีคนซื้อที่ราคาสูงขึ้น คนอีกส่วน ก็เริ่มขายทำกำไรลงมา พอเด้งขึ้นไปอีกก็ขายอีก มันก็แสดงว่าคนเริ่มไม่คิดว่าจะอยากซื้อหรือถือไปในราคาสูงกว่านี้แล้ว ขึ้นแล้วขาย ขึ้นแล้วขาย ค่าเฉลี่ยของราคามันเลยไม่พุ่งสูงเหมือนช่วง 0-1 เราให้ตรงนี้เป็น #สมการที่2

ทีนี้เราเอาเหตุการณ์ในสมการที่ (1) กับ (2) มาพิจารณากันดูว่าเราจะวางแผนรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้อีกยังไง

ลองฟังจากที่ผมพิจารณาก่อน แล้วคุณเอาไปพิจารณาเองด้วยนะครับ

ผมพิจารณาอยู่ในใจว่า
- สมการที่1 คนอยากซื้อมากคนมั่นใจว่าซื้อที่ราคาสูงกว่านี้ก็ยังมีกำไร จะด้วยเหตุผลห่าเหวอะไรก็ไม่รู้ อาจจะผลประกอบการดี จะมีข่าวดี หรือเจ้ามือเข้า หรืออะไรก็ช่าง ผมไม่ได้อยากรู้ ที่อยากรู้คือว่าช่วงนี้คนอยากซื้อ นั้นแหละที่ผมได้ ผมคิดเป็นแผนในใจว่า วันหน้าถ้าเจออะไรแบบนี้อีกผมก็ตามมันไป

- สมการที่2 คนแม่งเริ่มกลัว พอราคาขึ้นไป มีไอ้คนมองโลกในแง่ร้ายขายตบลงมา พอเด้งอีกก็ขายตบลงมา อาการแบบนี้ ผมหลุดปากพูดออกมาคนเดียวว่าเห้ย "แรงเริ่มตก" คนเริ่มกลัวละ คนไม่มีเริ่มดูท่าทีว่าจะตามดีไหม คนมีก็เริ่มระบายของ ผมคิดเป็นแผนในใจว่า ชาวบ้านเขากลัวกรูจะห้าวใส่คนเดียวแบบว่าอินดี้พี่เป้เสลอก็ใช่เรื่องถ้ายังไม่มีตรูรอดีกว่าถ้ามีอยู่เอา มาเทียบกับทุนดูว่าควรขายออกบ้างหรือว่าเก็บไว้ต่อดี ทางไหนคุ้มก็ทำตามนั้น

- เมื่อพิจารณาทั้งสองสมการแล้วก็มาดูว่าเวลานี้มันคือเวลาไหนเราควรทำยังไง แน่นอนไอ้สองอันนั้นมันผ่านมาละ ถ้าเราพูดถึงอนาคตเราจะเลือกขายออก หรือซื้อเข้าเราควรจะดูตรงไหนยังไง ผมก็จะทำแบบนี้

1 มันมีสิ่งที่เกิดบ่อยๆอย่างหนึ่ง ถ้าจบเวฟ 3 มันมักไม่ลงต่ำกว่าเวฟ 1 เพราะงั้นแถวนั้นเป็นแนวรับที่ดี (ไปหาอ่านเรื่องเวฟได้ในบล๊อกนะครับ)งั้นผมจะรอดูที่ 20.7 กับแถวๆเส้น สีขาวนั้นแหละ ถ้าลงมาไม่หลุดตรงนั้น(คืออาจจะลงถึงหรือไม่ก็ได้) แล้วผมแยกสมาการ เหมือนที่ทำเมื่อกี้ได้ว่า เห้ยคนเริ่มไม่อยากขายไล่ลงอีกแล้วเว้ยพอราคาแม่งต่ำลงก็มีคนซื้อดักเก็บMACDOเลยไม่ลงต่ำลงไปเรื่อย ผมก็จะเริ่มจับตาหาจังหว่ะเข้า

2 ถ้าผมมีหุ้นอยู่ ผมคงขายออกไปหน่อย เหลืออีกหน่อยเอาไว้ไปลุ้นที่จุดที่ข้อ 1 จะซื้อเพิ่มหรือถืออันเดิมไว้ค่อยว่ากันอีกทีตามสถานการณ์ อย่าลืมพิจรณาต้นทุนของคุณประกอบ ตรงนี้ถ้าหลุด ผมคงต้องหาวิธีเซฟตัวเองสุดๆอะไรประมานนั้น

อันนี้ลองอ่านกันดีๆ แล้วเอาไปพิจารณาในแบบตัวเอง ผมว่ามีประโยชน์ไม่มากก็น้อย หุ้นปกติมันเกิดเหตุการณ์ 2 สมการนี้แทบทุกครั้ง ยกเว้นหุ้นปั่น ขึ้นพุ่งๆ แล้วตบลงเลย กับหุ้นที่เจอข่าวร้ายปัจจุบันทันด่วน แค่นั้น นอกนั้นก่อนจะลง ก่อนจะขึ้น มันจะมีช่วงเทสความอยากเพื่อความมั่นใจทั้งนั้นครับ


สมการที่ 1 ทางเทคนิคเรียกว่าเกิด convergence
สมการที่ 2 ทางเทคนิคก็เรียกว่าเกิด divergence นั้นแหละครับ

การเกิดอะไรแบบนี้ไม่จำเป็นว่าเกิดปุ๊บหุ้นจะกลับตัวเลย มันอาจจะเทสหลายๆรอบเพื่อความมั่นใจ อาจจะเนื่องว่าภาพที่ใหญ่กว่า มันยังน่าขึ้น หรือปัจ
จัยอื่นๆครับ

วิธีการที่มักใชัรับมืออาจจะกำหนดกฏของตัวเองเช่น ลากเทรนด์ไลน์ถ้าหลุดเส้นนี้ขายหรือใช้ ema เส้นตามแต่เราชอบ ถ้าหลุดตรงนี้ขาย หรือใช้elliott wave ก็ได้ เช่นย่อลงต่ำกว่า 61.8%(หรือเลขอื่นๆตามแต่เราชอบ) ของเวฟ .... แล้วขายอะไรแบบนั้น

คำว่าตามแต่เราชอบ ให้ดูทุนตัวเองประกอบ คนทุนต่ำ อาจใช้เส้นที่ลงลึกได้มากกว่าคนทุนสูงเป็นต้นครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น