พ่อรวยสอนลูกว่า เงินมีสี่ด้าน มี ESBI หาดูกันได้
ด้านที่ 1 e ลูกจ้าง ทำงานรับเงินเดือน
ด้านที่ 2 s ธุรกิจส่วนตัว ทำธุรกิจบริหารของตัวเอง
ด้านที่ 3 b เป็นเจ้าของธุรกิจ จ้างคนเก่งๆเทพๆมาดูแลธุรกิจของเรา
ด้านที่ 4 i เป็นนักลงทุน ซื้อหุ้นซื้ออะไรหากินกับปันผล
แต่ละส่วนมีข้อดีข้อเสียต่างๆกันไป เป็นสิ่งที่นักเขียนนักพูด แกสอนไว้ว่าอยากรวยก็ทำตามพ่อรวย
------------------------------
------------------------------------------
ส่วน ยายจนสอนผม เรื่องเงิน 3 ด้าน
ด้านที่ 1 เงินประเภทที่หามาได้แถมคนจ่ายให้เรา อวยพรขอบคุณไหว้ด้วยความเต็มใจ เป็นเงินมงคล เป็นเงินที่หาได้มาแล้ว และเจริญ จ่ายให้ลูกให้หลานเอาไปเรียน(ลูกหลานตั้งใจเรียน แกว่างั้น 5555 )ตัวอย่างก็เช่น หมอ ครู เป็นต้น
ด้านที่ 2 เป็นเงินแบบกลางๆ ทำงานหรือขายของให้เขาเขารับไปจบกันพอใจทั้งสองฝ่าย ถือเป็นการหาเงินที่ดี เพราะเราไม่ไปเบียดเบียนใครหามาได้รู้จักเก็บก็รวย แต่ถ้าเทียบกับข้อที่ 1 แบบแรกจะมีพรรคพวก มีคนรัก มากกว่าเรียกได้ว่าถ้าลูกบวช คนแบบข้อ 1 มีคนมางานเยอะแยะ
ด้านที่ 3 ด้านสุดท้าย หาเงินมาได้มีแต่คนด่าคนแช่งตามหลัง เขาเอาเงินให้เราแล้วแถมคำด่าแช่ง งานประเภทนี้ มักไม่ได้ ไดกูด(ตายดี) ยิ่งหาเงินได้เยอะ ความอัปมงคลจากคำด่าคำแช่ง ก็ยิ่งเยอะตาม อย่าไปถามหาความจริงใจจากคนที่รัก หมดวาสนาเมื่อไหร่ คนจ้องเหยียบเต็มไปหมด งานบวชไม่ต้องถามหาคนจะมาร่วม เอาเป็นว่างานศพ หาคนมาจูงขึ้นเผาให้ได้เถอะ
ตอนนี้ ที่ได้ข่าวล่าสุด พ่อรวยยื่นขอล้มละลายไปเมื่อปีก่อน ส่วนยายจน ลูกหลานเต็มบ้าน คอยดูแลปรนณิบัติ
ที่ต้องการชี้ให้เห็นไม่ใช่ว่าจะเปรียบเทียบว่าอันไหนดีอันไหนไม่ได้เรื่อง ทั้งสองอย่างมีข้อดีของตัวเอง แต่ในสิ่งที่เราคิดว่าเทพ มันก็พลาดได้นะ สำคัญเราอย่าลืมพื้นฐานรากเหง้าความเป็นเราแต่เดิมมา สเนห์ของคนไทยเรามีศาสนา ประเพณี ดีงาม ความกตัญญู ล้วนแต่สำคัญ ตั้งหน้าหาเงินแต่อย่าลืมเรื่องพวกนี้
วันหนึ่งมีเงินพันล้าน แต่ตายอยู่ในบ้านไม่มีคนรู้ จะพูดว่า "ไม่คุ้มเลยกู" วันนั้นก็อาจจะสายไปแล้ว ครับ
ยายจนต้องแยก เงิน ออกจาก คน ให้ได้ก่อน
ตอบลบพ่อรวย เขาพูดถึงแต่เงินเท่านั้น
ยายจน จับเงินจับคน ผสมกันมั่วโน้มน้าวให้เงินมี สีขาว-สีดำ