วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ว่าด้วยการซื้อถัว part 1 bad ถัว


หลายๆท่านพอถือหุ้นแล้วผิดทาง ไม่สามารถทำใจยอมตัด cut lost ได้ แต่กลับใช้วิธีการซื้อถัวแทน ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นวิธีการเพิ่มการขาดทุนทั้งทางด้านมิติ ของเงินทุน และมิติของโอกาส ยิ่งไปกว่านั้น เวลาก็จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ด้วย มาดูกันว่าทำไมจึงคิดแบบนั้น

1 ในส่วนของเงินทุน ถ้าคุณต้องการเฉลี่ยเพื่อนให้ต้นทุนในการซื้อต่ำลง คุณต้องใช้เงินมากขึ้นเรื่อยๆตลอดช่วงที่ราคายังไม่กลับตัวจริงๆ เช่นถ้าคุณซื้อ หุ้น a ที่ราคา 10 บาท 1000 หุ้นเป็นเงิน 10000 หลังจากนั้นหุ้นตัวเดียวกันนี้ ตกลงมาที่ 9 บาท ถ้าคุณเข้าซื้ออีก 1000 หุ้น 9000 บาท ต้นทุนของคุณจะ เหลือ 9.5 มันฟังดูเหมือนว่าจะดีใช่ไหม จากขาดทุน 1 บาท เหลือขาดทุน 50 ตังค์ 

แต่ที่จริงแล้วคุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่าหุ้นมันจะหยุดลงจริงๆเมื่อไหร่ คุณมั้นใจแค่ไหนว่า จุดที่ถัวเป็นจุดต่ำสุดแล้ว ผมยืนยันได้เลย ไม่เคยมีวิธีไหนไม่ว่าจะเทคนิคคอลหรือพื้นฐานบอกจุดต่ำสุดสูงสุดของราคาได้ 100% ในทางเทคนิคคอล มันบอกได้แค่ถ้าลงหรือถ้าขึ้น มันจะไปที่จุดไหนแค่นั้น ส่วนสัญญานการกลับตัวเป็นแค่การบอกว่า มันมีโอกาส(เน้นตัวหนาที่นี่เลย)แค่นั้น มันเป็นเหตุให้มีคำพูดที่ว่า "ไม่มีใครซื้อที่ราคาต่ำสุด แล้วขายที่ราคาสูงสุดได้หรอก" ยกเว้นฟลุ๊ค 

ทีนี้ถ้าจุดที่คุณเข้าซื้อไม่ใช่จุดต่ำสุด จากหุ้นตัวเดิม ลองคิดว่าทีนี้ถ้ามันหล่นไป 8 บาท สิ่งที่คุณจะทำให้ดูเหมือนเป็นการแก้ปัญหานี้ คือ ซื้อถัวเพิ่มอีกสัก 1000 หุ้น รวมเป็นเงินตั้งแต่ไม้แรก 27000 ตกต้นทุน หุ้นละ 9 บาท ขาดทุนอยู่ 1 บาท เหมือนเดิม(ต้องซื้อหุ้นจำนวนมากกว่านั้นถ้าจะให้ต้นทุนต่ำลงอีก) แต่เอาเงินไปจมเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 3 เท่า โดยที่ไม่เห็นโอกาสว่า เมื่อไหร่จะได้เอาเงินส่วนนั้นไปหมุนต่อ

การถัวขาลงแบบนี้ มันก็เหมือนกับลิงแก้แห ยิ่งถัวยิ่งถลำลึก ยิ่งถัวยิ่งต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อ รักษา ตัวเลขการขาดทุน ที่จะเพิ่มขึ้น(ยิ่งถัวบ่อย ถ้าคุณใช้เงินในการถัวเท่าๆเดิม ตัวเลขเปอร์เซนต์การขาดทุนของคุณจะยิ่งเพิ่ม แต่ถึงใช้เงินถัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตัวเงินการขาดทุนของคุณก็จะเพิ่มขึ้นอยู่ดี)


รู้ตัวอีกที อาจจะขาดทุน เกินเงินไม้แรกไปแล้ว


หุ้นไม่ใช่ข้าว เราไม่จำเป็นต้องเก็บไว้เพื่อกิน ลองคิดเปรียบเทียบกันถ้าคุณไปห้างอยากได้ของสักชิ้นที่ไม่ได้จำเป็นต้องใช้แบบขาดไม่ได้เลย ไปวันนี้ราคาลงมา 5% แล้วเจ้าของห้างติดป้ายบอกแล้วว่า ระหว่างนี้ต่อไป จะลดราคาอีก(แต่เมื่อไหร่ ถึงไหนไม่ได้บอกนะ) คุณจะรีบซื้อเลย หรือ รอจนกว่าจะไม่ลดอีกไหม

   
2 ขณะที่คุณกำลังมั่วแก้แหด้วยการถัว ถ้าเกิดถัวจนเงินหมด ซื้อหุ้นตัวใหม่ก็ไม่ได้ เพราะไม่มีเงิน ไอ้จะให้ขายตัดตอนนี้ ก็ไม่ไหว มานั่งนับเป็นตัวเงิน แม่งมันเยอะกว่าหุ้นไม้แรกที่ไม่ยอมตัดขาดทุนทั้งหมดเสียอีก สิ่งที่ต้องทำคือ ถือต่อเป็น vi จำเป็น จนกว่าราคาจะกลับขึ้นมาให้ลง 

แล้วผมขอเอาคอเป็นประกัน ถ้าคุณเข้าทีแรก ไม่ใช่เพราะว่าจะถือยาว แต่ถือยาวเพราะผิดทางผิดวิธีนะ บอกได้เลยคุณจะโดนพอร์ทสีแดงหลอน จะเป็นคนจิตตกหน่อยๆขาดความมั่นใจ แล้วถ้าถึงเวลาหุ้นจะขึ้นจริง พอราคามาถึงทุนนะ คุณจะรีบกระโดดลง ด้วยความโล่งใจ ไม่ได้มีกระจิตกระใจ ตามไปเก็บกำไรได้ง่ายดอก

ถ้าคุณคัทลอส แล้วไปมองหาโอกาสใหม่ เงิน 10 เปอเซนต์ จาก 10000 ที่เสียไปจากคัทลอสที่หุ้น a ที่ว่า อาจจะได้คืนจากหุ้น b ตัวใหม่พร้อมกำไรไปแล้ว ในการลงทุน 1เวลา 2โอกาส(เมื่อเจอสัญญานซื้อ) เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าเงินที่ใช้ในการลงทุน ลองคิดดู เมื่อถัวจนไม่กล้าตัดทิ้ง ติดหุ้นอยู่สองปี สมมุติว่า ราคาเด้งขึ้นมาให้ขายแล้ว คุณขายไปเรียบร้อยเพราะติดมานานรีบออก 

พอร์ทคุณโดนแช่แข็งอยู่ 2 ปี 2 ปีที่ว่า เพื่อนคนอื่นๆ เขาเอาไปทำกำไรได้ตั้งเท่าไหร่ไม่รู้แล้ว คุณอาจจะบอกว่า 2 ปีที่ผ่านมาได้ปันผลมา ตั้ง 4 เปอร์เซนต์ ก็คงต้องให้ถามตัวเองอีกที ว่าพอใจผลตอบแทนเท่านั้นจริงไหมครับ

สรุปการถัวขาลงไม่ว่าอะไรมันคือลิงแก้แห ยิ่งถัวยิ่งเพิ่มเวลาเจ็บ ถ้าคุณเข้าเพื่อถือยาวไม่สนราคาอันนั้นอีกเรื่อง แต่ถ้าเข้าเพื่อต้องการจะขายในราคาที่แพงขึ้น ไม่ว่าจะระยะสั้นจะระยะยาว การถัวไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง

เป็นนักลงทุนที่เยี่ยมจะรักษาแต่ทุนอย่างเดียวเห็นจะไม่พอ ต้องรักษาจัดการเวลาและโอกาสด้วย จะเอาเวลาและโอกาสไปทิ้งกับหุ้นขาลงตัวเดียวมันไม่เมกเซนส์เลย

ถ้ารักหุ้นตัวนี้ทิ้งไม่ไหวจริงๆ คัทลอสแล้วไปรอเข้าเมื่อสัญญานมาจะดีกว่า การคัทลอสมันไม่ได้แค่หยุดการขาดทุนนะครับ มันหยุดสภาพจิตตกด้วย สติจะได้กลับคืนมาเร็วๆ ความซื่อสัตย์ต่อระบบจะได้ไม่หายไปกับจิตที่ตก พร้อมกับหุ้นนั้น คอนเซปป์การ Cut Lost เคยเขียนไว้เมื่อไม่กี่วันก่อนลองตามไปอ่านครับ

การคัทแล้วไปรอรับมันคล้ายกับการถัวมาก แต่ที่ต่างกัน คือจิตของคุณจะไม่ไปผูกกับ ต้นทุนเดิมที่ติดดอยอยู่ คุณจะทำตามระบบได้ดีกว่ามาก พร้อมกันนั้น ระหว่างที่ลง ถ้าเจอโอกาส ก็จะได้ไม่เป็นการปล่อยให้หลุดหลอยไปด้วย เมื่อเวลาหุ้นตัวเดิมเรามาถึง เราจะกลับมาพร้อมกับสภาพจิต และกระเป๋าที่ดีเต็มเปี่ยม ทำกำไรกับมันได้เต็มที่

แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าการถัวจะไม่ดีเสียทีเดียว การถัวขาขั้นนั้นมีข้อดีมากมาย แล้วจะมาเล่าต่ออีกทีครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น