วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

รูปแบบวิธีคิดของคนไทย ต่อการสนทนาทางการเมือง ในสังคม

ติดค้างว่าจะพูดเรื่องพรบ กับการโอเวอร์เทรดไว้รอบก่อน มาวันนี้ยกเลิกเปลี่ยนเรื่องพูดดีกว่า (ขนาดลุงตัน พี่เสก เผลอพูดเรื่องนี้ยังโดนสับเละเลย ป๋าเบิร์ดไม่ได้พูดอะไรสักอย่างแค่ใส่เสื้อสีที่ไม่ถูกใจ ยังโดนด้วย Thai Trader ยิ่งเป็นคนพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกจะยิ่งอันตราย 555 )มีอีกเรื่องอันเนื่องจากเรื่องการเมืองที่น่าแปลกใจน่าคุยยิ่งกว่าครับมันคือ

   
ทัศนคติ ที่มีต่อการถกเถียงของคนไทย คนไทยเรามีทัศนคติต่อเรื่องนี้แปลกมาก คือไม่ได้ถกเถียงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นสิ่งที่มีเหตุผล

การเถียงของเราคือการเถียงเพื่อไม่ให้แพ้ เราเถียงแพ้ไม่ได้เพราะวัฒนธรรมการ "เสียหน้า" มันฝังลึกเถียงเขาแพ้แล้วจะโดนตราหน้าว่าโง่ ไอ้คนเถียงชนะ ก็จะด่าเขาว่าไม่ฉลาด

ผมคิดว่ามันฝังมาตั้งแต่การลงโทษเด็กด้วยการประจาร แล้วละ ใครทำผิดให้ไปยืนคาบไม้บรรทัดหน้าเสาธงงี้ คนไทยเราเลยเข้าใจความหมายของการทำผิด ผิดไปมาก ทำผิดต้องได้บทเรียนว่าแบบนี้ผิดค้นหาแบบอื่นที่มันถูกดิ ไม่ใช่ได้เสียหน้าเป็นบทเรียน

ความผิดของคนไทยเรา คือการเสียหน้า อับอาย ทั้งที่พอเถียงกันได้ข้อยุติ ที่มีเหตุผลแล้ว เราจะได้รู้เรื่องที่เราไม่รู้ แท้ๆ

ผมไม่ได้อวย ฝรั่งมังค่านะ แต่มีอะไรที่น่าสนใจเราก็ควรเอามาคิด คนเยอรมัน เป็นคนที่ชอบเถียงมาก เถียงไม่หยุดจนกว่าจะได้ข้อยุติที่มีเหตุมีผล คนเยอรมันมาเถียงกับคนไทย คนไทยจะพูดว่า ไอ้ฝรั่งนี้กวนตีนว่ะ

ส่วนคนเยอรมันจะคิดว่าคนไทยไม่มีความคิด แทนที่จะเถียงกันให้เหตุให้ผล จะได้ได้ข้อสรุปที่พัฒนา แต่คนไทยไม่มีอะไรเสนอเลย ยิ้มๆแล้วเอาไปด่าลับหลัง

เรื่องพวกนี้มันมีจริงนะ ผมว่าเราไม่ค่อยกล้ายอมรับว่าเราผิด และกลัวมากถ้าเราทำผิดแล้วถูกเปิดเผย

พอคิดแบบนี้แล้วการเถียงกันของคนไทยจึงเป็นว่าไอ้นี้มาเถียงฉัน กวนตีนจริงๆ แล้วการเถียงของคนไทยเลยมีความหมายเดียวกับการด่า

เวลาเราเถียงกันเรื่องการเมืองไม่ว่าในเว็บ กับเพื่อน หรือแม้แต่ในวงทานข้าวในครอบครัวเดียวกัน การเถียงกัน มักจบลงด้วยการทะเลาะผิดใจกัน จนมีคำว่า "ไม่อยากทะเลาะกันอย่าคุยเรื่องการเมือง"

ซึ่งผิดถนัด การเมืองในระบอบประชาธิปไตย มันเป็นเรื่องของการถก การแสดงสิทธิของตัวเองอย่างสร้างสรร ยอมรับความถูกต้องจากการถกเถียงนั้น การโหวตเป็นการรับรองสิ่งที่ถกเถียงเพียงแค่นั้น สังคมประชาธิปไตย หัวใจหลักมันต้องเถียง ต้องแสดงออก แล้วก็เน้นว่าแบบสร้างสรร ใช้เหตุใช้ผล

แต่บ้านเรามันกลับหัวไปแล้ว ไล่ตั้งแต่เด็กยันหัวหงอก ไม่ว่าได้เรียนหนังสือหรือไม่ เป็นเหมือนกันหมด

ที่ผมพูดว่าคนไทยแย่อย่างนั้นคนไทยแย่อย่างนี้ อาจจะมีข้อสงสัยว่าแล้วตัวผมเองละดีนักเหรอ ผมก็ไม่ดีนะ ทำผิดประจำ แต่อย่างหนึ่งที่กล้าบอกได้เลยเต็มปาก จะยอมรับหรือไม่ หลังจากเถียงได้ข้อยุติ ที่มีเหตุผลว่าผมคิดผิดผมยอมรับนะ ยกเว้นว่าคุณไม่เสนอเหตุผลอะไรสักอย่าง แต่บอกว่าที่ตัวเองคิดมันถูก แบบนี้ผมก็ยอมรับไม่ได้ เพราะมันขัดจริต เชื่อสิ่งที่ไม่เหตุผลไม่ลง

ผมคุยกับคนที่เชียร์ ฝ่าย a เขาจะเกลียดผมบอกว่าผมมัน ไอ้พวกฝ่าย b

พอผมไปคุยเรื่องการเมืองกับฝ่าย b ฝ่าย b ก็จะโกรธผมว่า แกน่ะพวกฝ่าย a

เวรกรรม ไม่มีทางคุยกันดีๆได้เลย ทั้งที่เรื่องการเมืองถ้าคุยกันแบบมีเหตุผลรับฟังกันมัน เรื่องสนุกมากนะถามหน่อยในใจลึกๆ ไม่ใช่ความเบื่อหน่ายการเมืองปัจจุบันนะ มีใครบ้างไม่ชอบคุยเรื่องการเมือง

เพื่อให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหุ้นบ้าง 555
ผมย้ำเสมอว่า ทุกคนรายย่อยอย่างเราควรเป็นนักศึกษา การจะเป็นนักศึกษาที่ดีได้ต้องยอมรับว่าเราทำผิดคิดผิดได้ (ถ้าเราทำถูกหมดเราจะมาศึกษาทำไมจริงไหม)

อย่าไปกลัว เสียหน้า หน้าไม่ได้หายไปไหน ไม่ได้ต้องเอาไปซ่อมหรอก มันตั้งอยู่ระหว่างหูเรานั้นแหละ แต่พอเรารู้ว่าเราผิดอะไร ตรงไหน เราจะได้พัฒนาตัวเองทันที แทนที่จะมาทุกข์ใจกับความพ่ายแพ้ ที่มโนเอาเอง

ส่วนคนที่เถียงแล้วเป็นฝ่ายถูก ก็อย่าไปซ้ำเติมเยาะเย้ยถากถางเขา ประจานด่าว่าเขาโง่ มันไม่ถูก คนเราไม่ได้โง่ แค่ได้รับข้อมูลมาไม่เหมือนกันแค่นั้นเอง

เราตีหุ้นเข้าผิดทาง เรายอมรับผิด คัทลอส เริ่มรอบใหม่ได้ทันที แถมมีความรู้ว่าเราทำตรงไหนผิด ใจร้อนไปไหมเลยเสียเงิน

เราตีหุ้นเข้าผิดทาง แล้วไม่ยอมรับ เราจะติดดอย เสียโอกาสเอาเงินนั้นไปหมุนต่อ ความรู้ที่จะได้จากการทำผิดนั้นก็ไม่มีเพราะเราไม่ยอมรับว่ามันผิด

ผมก็ขอเอาใจช่วยคนไทยทุกคน คนที่เป็น เพื่อนกันทางเฟสบุ๊ค เป็นเพื่อนกันในที่ทำงาน เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียน เป็นพ่อแม่พี่น้องกัน ให้มีสติแล้วมองให้ออกว่าเราเถียงกันเพื่ออะไร ขออย่าได้ทะเลาะผิดใจกันเอง เราไม่ใช่แค่คนไทยเหมือนกัน เราทุกคนมันคนเหมือนกัน มีค่าเท่ากันครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น