เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของธุรกิจ ประเภท พระอาทิตย์ตก คือธุรกิจถูกสิ่งใหม่เข้ามาแทนที่ ยากที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองโดยยังอิงกับโมเดลหลักเดิม
ถ้าสังเกตุบริษัทใหญ่โตที่ดำเนินกิจการรอดพ้นได้มาเป็นหลายสิบปี หรือร้อยปี บริษัทพวกนี้ก้าวข้ามวัฏจักร เหล่านี้ได้ บางครั้งด้วยวิธีการเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นเลยครับ เปลี่ยนแล้วทำได้ดีก็รอด แต่บางรายเปลี่ยนไปแล้วไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองถนัดก็ล่ม
แต่ถ้าไม่ปรับไม่เปลี่ยน ก็มีสิทธิ์ล่มสูงเกือบจะแน่นอน เทคโนโลยีสมัยนี้มันไปเร็ว จะคิดเหมือนยุคอุตสหกรรมอยู่เห็นทีจะรอดยาก
ต่อไปนี้คือตัวธุรกิจที่คัดลอกมาจากเพจ https://www.facebook.com/SenseOnFilms
Special Pick!! : โลกนี้ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนจริงๆครับ...
เชื่อว่าเกิน 70% ของแฟนๆภาพยนตร์ ย่อมเคยคุ้นหูกับชื่อของร้านเช่าหนังอย่าง Blockbuster กันมาบ้างนะครับ...(บ้านเราก็เคยมีเปิดหลายสาขาเหมือนกัน)
ซึ่งในสมัยก่อนหนัง...ความบันเทิงในรูปแบบภาพยนตร์นั้นสามารถที่จะเสพได้จาก โรงภาพยนตร์ และ จากการเช่ามาดูที่บ้านเท่านั้น...ซึ่งการที่จะละเมิดลิขสิทธิ์นั้น ทำได้ยุ่งยาก และ ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่...
(ใครยังจำ Right Shop ของ Right Pictures กับร้านเช่าของ CVD ได้บ้างครับ?? ^-^)
แต่จากการที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะการก้าวข้ามผ่านจาก ม้วน VHS ไปสู่รูปแบบของแผ่น CD/DVD และ Blu-ray...รวมทั้งพัฒนาการของความเร็ว internet นั้น...ทำให้เกิดช่องทางในการละเมิดลิขสิทธิ์ได้มากขึ้น และ ทำได้ง่ายขึ้น...ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเช่นกัน...สื่อบันเทิงต่างๆนั้นได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งวงการเพลง, ภาพยนตร์, เกมส์ และ software ต่างๆ...
ในส่วนของภาพยนตร์นั้น...ค่ายหนัง และ โรงภาพยนตร์ จะต้องปรับตัวเพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปแล้วนั้น...ซึ่งก็สามารถประคับประคองเอาตัวรอดได้บ้างอย่างยากลำบาก (และโรงภาพยนตร์ก็กำลังจะเดินทางเข้าสู่จุดจบในอีกไม่ช้า...)
แต่สำหรับร้านเช่านั้น...ไม่มีหนทางที่จะต่อสู้กับสภาวะนี้ได้ครับ...ทั้งจากการแผ่นผี หนังซูม บริการชมภาพยนตร์ทาง internet...และที่เลวร้ายที่สุด คือ การโหลดเถื่อน...
ยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของโลกอย่าง Blockbuster ที่เริ่มกิจการร้านเช่าวิดีโอมาตั้งแต่ปี 1985 ก็เอาตัวไม่รอดครับ...ขาดทุนมหาศาลมาหลังจากที่ออกจากการดูแลของ Viacom ตั้งแต่ปี 2004...แม้ว่าจะปรับรูปแบบการให้บริการมาเป็นแบบ ส่งให้เช่าถึงบ้าน ก็ตาม...จนสุดท้ายก็เข้าสู่สภาวะล้มละลายในปี 2010...
Dish Network ผู้เป็นเจ้าของช่องทีวีดาวเทียม ได้ซื้อกิจการของ Blockbuster LLC ไปในปี 2011 ด้วยมูลค่า...320 ล้านเหรียญ!! ซึ่งทาง Dish ก็หวังที่จะปลุกชีพของ Blockbuster ให้ฟื้นคืนมาอีกครั้ง ในรูปแบบของการให้บริการ streaming media เพื่อแข่งขันกับ Netflix นะครับ...ทำให้ต้องลดจำนวนร้านเช่าวิดีโอลงไป...จากที่เคยเปิดถึง 4,000 สาขาทั่วอเมริกา...กลับต้องปิดลงไปหมด เหลือเพียงแค่ประมาณ 600 กว่าสาขาเท่านั้น...
และช่วงต้นปี 2013 นี้...Dish ได้ปิดสาขาของ Blockbuster ไปอีกกว่า 300 แห่ง...จนสุดท้าย...ได้ประกาศปิดสาขาที่เหลือในอเมริกาของ Blockbuster ลงไปหมดแล้ว รวมทั้งบริการส่งให้เช่าถึงบ้านด้วยครับ!!
ซึ่งทุกอย่างจะสิ้นสุดจริงๆในช่วงกลางเดือน มกราคม ปีหน้า...แต่ว่ายังคงให้บริการหนังเช่าส่งไปยังร้านค้า franchise, ช่องเคเบิล และ การชมภาพยนตร์แบบ online streaming อยู่นะครับ...
---------------------------------------------------
ผลของการละเมิดลิขสิทธิ์ มันรุนแรงกว่าที่เราคิดกันมากนะครับ...สนับสนุนของแท้กันดีกว่า ทั้งภาพยนตร์ และ ดนตรี...- -"
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น