วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แนวรับแนวต้านของกราฟราคามีแรงดึงดูดกันนะครับลองมาดูกันเลย

เมื่อเราสังเกตุพฤติกรรมของราคาหุ้นบนกราฟหุ้น เราจะพบว่า ไม่ว่าจะเป็น Uptrend Downtrend หรือ Side way  ราคาหุ้นมักจะวิ่งเข้าหาจุดใดจุดหนึ่งเสมอ ถึงแม้ว่าราคาจะเลยจุดนั้นไปแล้ว ก็มักจะวกกลับมาที่จุดนั้นอีกในภาย หลัง

จุดที่ว่านี้เองคือสิ่งที่เราเรียกว่า แนวต้าน แนวรับ และพฤติกรรมของราคาหุ้นที่มักจะวิ่งเข้าหาแนวต้าน แนวรับนี้เอง ที่ทำให้ Thai Trader คิดว่า มันมีแรงดึงดูดต่อกัน

การได้มาซึ่งแนวรับแนวต้านนั้น มีหลายวิธีและ Thai Trader เขียนให้ดูเสมอๆว่าเราได้มาอย่างไร ทั้งจากบทความ หรือเพื่อนๆสามารถแกะจากกราฟที่ผมตีด้วยเช่นกัน ตอนนี้เราคงจะไม่พูดถึงการหาแนวรับแนวต้าน เพื่อนๆสามารถหาอ่านได้ในบล๊อกนี้เลย

   

ในส่วนของราคาจะมีลักษณะดังนี้

  • ถ้าราคาเป็นขาขึ้นราคานี้จะมีประจุเป็น +
  • ถ้าราคาเป็นขาลงราคานี้ก็จะมีประจุเป็น -

ในส่วนของแนวรับแนวต้านจะมีลักษณะประจุแบบนี้ครับ

  • แนวรับจะมีประจุเป็น -
  • แนวต้านจะมีประจุเป็น +
เมื่อเราตีกราฟแล้วได้แนวรับแนวต้านเรียบร้อย สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างราคาปัจจุบันและแนวรับแนวต้านจะเป็นแบบนี้ครับ

แนวรับอยู่ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน และแน่นอนแนวต้านอยู่สูงกว่าราคาปัจจุบัน โดยที่พฤติกรรมของแนวรับแนวต้าน ที่เกิดกับราคาจะขึ้นกับเทรนด์ของราคาโดยที่จะแยกดังนี้

เมื่อเทรนด์ของราคาหุ้นเป็นขาขึ้น(มีประจุ+) แนวรับจะดูดราคาลงมา ให้ยืนอยู่ที่แนวรับ (แนวรับมีประจุ-) ประจุต่างกันจะดึงดูดกัน

ในส่วนของแนวต้าน(มีประจุเป็น +) ในขาขึ้นนี้จะเป็น + เจอ + ดังนั้นแนวต้านจะคอยดันราคาไม่ให้ผ่านไปง่ายๆ

และในส่วนของขาลงก็จะเป็นคล้ายๆกันโดยที่ แนวรับจะคอยดันราคาในขาลงไว้ไม่ให้หลุดไปง่ายๆ (เป็น - เจอ -) ส่วนแนวต้านจะคอยดึงดูดราคาให้กลับขึ้นไปเทสเสมอๆ

ราคามักจะไม่ลอยอยู่ระหว่าง แนวรับแนวต้าน นานๆ มันจะวิ่งไปหาแนวรับแนวต้านที่ใกล้ที่สุดก่อนเป็นอันดับแรกครับ

แล้วแนวรับแนวต้านที่เราตีไว้มีพลังในการดูดหรือผลักราคาหุ้นแค่ไหนเราจะดูยังไง จะอธิบายให้ในตอนนี้แหละครับ

พลังของแนวรับแนวต้านมีมากน้อยแค่ไหนให้ใช้วิชาที่เราได้ศึกษามาก่อนหน้านี้มาวิเคราะห์ครับ หลักๆจะเป็นดังนี้

  • Elliott Wave เมื่อเวฟถึงจุดกลับตัวแล้วแนวรับเป็นเวฟอื่นแล้ว แนวรับหรือแนวต้านตอนนั้นจะมีแรงค่อนข้างมาก เช่น เมื่อนับเวฟขาขึ้นมาเจอเวฟ ที่ 3 แนวรับที่มีแรงมากที่สุดจะอยู่ที่ปลายยอดเวฟ 1  ตรงนี้มักไม่ค่อยหลุด จะถูกดูดมาตั้งหลักที่นี่เสมอ(ยกเว้นพลัง + ของขาขึ้นมีมากจริงๆ) 
  • การจับสัญญานของ เครื่องมือ oscillator ในส่วนนี้จะเป็นการจับสัญญาน convergence divergence ผมจะให้ความสำคัญกับส่วนนี้ที่สุด เพราะมันจะเป็น วิเคราะห์ อารมณ์ของคนในตลาดตอนนี้ได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น อุปสงค์ อุปทาน มากขึ้นหรือน้อยลงแล้วหรือยัง คนเริ่มซื้อน้อยลง แสดงว่าแนวต้านนี้ จะมีแรงสูง คนขายมากขึ้น แนวรับใกล้ๆนี้ก็จะมีแรงน้อยลงเป็นต้น ตรงส่วนนี้ เมื่อใช้ร่วมกับ Elliott wave จะยิ่งทำให้เราวิเคราะห์ความแข็งอ่อนของแนวรับแนวต้านได้แม่นยำที่สุดครับ อันนี้ให้ ขีดเส้นใต้ไว้เลยว่า ถ้าคุณจะเป็นนักวิเคราะห์เทคนิค อย่ามองข้ามส่วนนี้เด็ดขาด จังหว่ะเข้าออกที่ถูกต้อง เกิดมาจาก หัวข้อนี้แหละ
  • แนวรับซ้อนรับ แนวต้านซ้อนต้าน เหตุการณ์นี้จะเกิดเมื่อมีแนวรับแนวต้านที่มีนัยสำคัญสองอันขึ้นไป วางไว้ใกล้เคียงหรือเป็นจุดเดียวกัน เช่น แนวต้านจากเทรนด์ไลน์ ที่วางทับกันกับ เวฟ 5 จาก Elliot wave พอดี หรือ แนวรับจาก ema200 ที่วางทับกันกับ trend line และ Oscillator เกิดสัญญาน bullish divergence ร่วมด้วยอีก แบบนี้ก็แสดงว่าแนวรับนั้นโคตรแข็ง โคตรมีแรงผลักราคาสำหรับขาลงครับ

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อแรงผลักแรงดูด จากแนวรับแนวต้านนั้นถูกเบรก คำตอบก็คือ เมื่อแนวรับหรือแนวต้านนั้นถูกเบรก ประจุของมันก็จะเปลี่ยนขั้วทันที เช่น ทีแรกแนวต้าน มีประจุเป็น + ในขาขึ้น เพราะงั้น แนวต้านนี้จะพยายามผลัก ราคาให้ลงไปหาแนวรับใช่ไหมครับ แต่เมื่อแนวต้านนี้ถูก เบรก มันก็จะกลับขั้ว จาก + เป็น - จากแนวต้านกลายเป็นแนวรับทันที

ถ้าก่อนนี้มันเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง มันก็จะกลายเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน เช่น ราคาลงทำเวฟ 2 และมาเจอแนวต้านที่เป็นเวฟ 1 ซึ่งมี ema200 วางทับอยู่อีกชั้น แถมยังมีเทรนด์ไลน์ ของขาลงพาดเอาไว้อีกด้วย เราจะถือว่าตรงนี้เป็นต้านที่แข็ง เป็นต้านปลายเทรนด์ก่อนวิ่งเข้าสู่เวฟ 3 การเบรก ต้านนี้ ก็จะเป็นการ confirm ถึงการเปลี่ยนเทรนด์ ที่สำคัญ โดยปกติ Volume จะพุ่ง ทันที่ที่เบรกช่วยเป็นการ confirm ถึงการเปลี่ยนเทรนด์ และconfirm ว่า แนวต้านที่ถูกเบรกนี้ จะกลายเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งด้วยครับ(ช่วงนี้มีแนวนี้ตรึมลองไปหาดูกันในกราฟของหุ้นรายตัวไปครับ)

หลักการสำคัญในการวิเคราะห์แนวรับแนวต้านหุ้นคือ

  1. เราต้องหาเทรนด์ของราคาหุ้นบนกราฟว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง (ส่วน side way เดี๋ยวจะว่าอีกที)
  2. แนวรับแนวต้านจะทำ action กับลักษณะของตลาดจากข้อแรก
  3. ดูแรงของแนวรับแนวต้านนั้นๆว่าแรงแค่ไหน
  4. ถ้าถูกเบรกไม่ว่ารับหรือต้านมันจะกลับขั้วทันที
  5. โวลุ่มจะช่วยบอกว่าแนวรับแนวต้านอันไหนมีแรงมากกว่ากัน
รูปนี้จะเป็นตัวอย่างการวิเคราะห์แนวรับแนวต้านของตลาดหุ้นไทยเรา set index ครับ




ตอนนี้เบรกต้าน1440 จึงกลายเป็นแนวรับ

แนวรับแถวๆ1340-1350 เป็นเวฟ3 เก่าเป็นแนวรับสำคัญมากเพราะเมื่อนับเวฟ ย่อยมันจะเป็นเวฟ 5 พอดี macdส่ง bullish divergence โวลุ่มก็เข้าถ้ามีการลงมาในช่วงเวฟc อีกรอบ ตรงนี้จุถือว่าเป็นแนวรับสำคัญครับ

1490 เป็นต้านต่อไปเป็นต้านซ้ำซ้อนนะมียอดเดิม 2 อันวางอยู่แถมใกล้ๆกันมีema200 พาดอยู่ เป็นเวฟ 4 เดิมด้วย ตรงนี้จึงเป็นต้านสำคัญของช่วงใกล้ๆนี้


1530 เป็นต้านสำคัญสุดของการกลับตัวนี้ราคาตรงนี้อาจจะเป็นจุดเวฟ b ที่อาจจะกลับตัวเป็นเวฟ cตรงนี้ต้องจับตามากๆ 61.8% เป็นจุดต้องระวัง ถ้าไม่ผ่านตรงนี้ อาจจะลงไปถึง แนวรับแถวๆ1340-1350 ซึ่งก็คือส่วนที่เราถือว่าเป็นรับที่ดีจากรอบที่แล้วนั้นเอง

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วิเคราะห์หุ้น หุ้นไทย SET INDEX ใกล้กลับตัวหรือยัง ต่อ

จากโพสที่แล้ว วิเคราะห์กราฟ SET จังหวะกลับตัวใกล้เข้ามาแล้ว เรามาต่อกันด้วยกราฟของวันนี้ ว่าราคาหุ้นตอนนี้ และสัญญานทางเทคนิคต่างๆมีสภาพเป็นยังไง แล้วพร้อมหรือยังที่จะก้าวสู่รอบต่อไปกันครับ
   

   จากราคาแถวๆ 1650 ตลาดหุ้นของไทยเรา เริ่มตกลงมา ตรงหมายเลข 1 จัดเป็น WAVE 1 สำหรับการนับ Elliott wave ของ set

หลังจากรีบาวทำเวฟ 2 และลงทำเวฟ 3 และที่ราคา new low ที่ 1340 ก่อนหน้านี้ ถือเป็นจุดที่เราสงสัยว่าจะเป็นจุดจบ wave 5 ของขาลงรอบนี้ ดังนั้นการตีกราฟครั้งนี้ ตั้งสมมุติฐานว่าตรงนั้นเป็นจุดจบนะครับ เราจะมาดูว่ากรณีที่ตรงนั้นเป็นจุดจบ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบ้าง

ดูหัวข้อก่อนหน้านี้เกี่ยวกับกราฟเซทได้ที่

มาว่ากันต่อว่าถ้าตรง 1340 นั้นเป็นจุดกลับตัวจะเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าก่อนอื่นมาดูช่วงราคาของวันนี้กันก่อน

1. จากในรูปที่เขียนบอกไว้ว่า "5 หรือเปล่า ถ้าใช่ให้เริ่มนับตรงนี้เป็นเวฟ A" ตรงจุดนี้เมื่อไปวัดสัญญานกับ WAVE 3 เราจะเห็นว่ามันเกิด Bullish Divergence นะ นั้นหมายความว่า ความแรงในการลงเริ่มน้อยลงแล้ว คนที่อยากขายก็ได้ขายออกไปมากแล้วเหมือนกัน เรียกได้ว่าฝรั่งขายเป็นมูลค่าจะเท่ากับที่ซื้อมาเมื่อปีที่แล้วแล้ว (แต่ฝรั่งยังมีหุ้นเหลืออีกเยอะ อย่าลืมว่าเขาซื้อถูกมาขายแพง จำนวนที่ขายออกจึงน้อยกว่าตอนที่ซื้อ

นั่นหมายความว่าตั้งแต่ เลข 1 มาถึงจุดที่เราคาดหมายว่าจะเป็นเลข 5 นี้มีโอกาสกลับตัวสูง เมื่อจบเวฟ 5 นี้แล้วจะเริ่มเด้งระยะกลางกันสักครั้ง โดยที่เราไม่ได้ตีว่าตลาดหุ้น set ของเราจบขาลงนะ ให้ถือว่าตรงนี้เป็นเวฟ A ไว้ก่อน เด้งขึ้นมามีจุดสังเกตุอีกทีว่าจะจบขาลงจริง หรือ จะเป็นแค่เด้งขึ้นทำเวฟ B ก่อนลงทำเวฟ C อีกครั้งครับ ตรงนี้จับใจความดีๆว่า มันอาจจะมีเหตุการณ์ที่ลงได้หนักพอๆกับช่วงจากเลข 1-5 อีก

ก่อนจบจุดนี้มาดูที่เลข 5 เราจะเห็นว่ามันมีเวฟย่อยที่เราคาดไว้ว่าเป็น wave 1-wave 5  เราจะเห็นได้ว่า รูปแบบของราคา มันทำให้เห็นว่าจบเวฟ 5 จริง แต่ว่า ไปดูช่องทางขวาจากรูป ที่ Macd ตรงที่ผมขีดเทรนด์ไลน์สีเหลืองไว้ ระหว่างยอดที่เราคาดว่าจะเป็น wave 3 กับ wave 5 มันยัง convergence นะ ถ้างั้นเราอาจจะตั้งข้อสงสัยว่าเวฟย่อยนี้ อาจจะยังไม่ใช่ wave 5 จริงๆ มันอาจจะเป็นแค่ wave 3 ที่รีบาวน์ไปทำ wave 4 เพื่อที่จะย่อลงมาทำ wave 5 ที่จบ เลข5 ของขาลงหลักอีกที

ตรงนี้เราจะวัดได้ยังไงว่ามันจบwave 5 ย่อยแล้ว เราก็มาดูที่ข้อต่อไปกันเลย

2. จากรูปที่เขียนบอกไว้ว่า "เส้นเหลืองชี้ชะตาว่าเป็นเวฟ 3 ย่อยหรือว่าจบเวฟ 5" ตรงนี้เป็นจุดเดียวกับ wave 1 ย่อย ซึ่งปกติจะเป็นจุดต้านของwave 4 คือจะขึ้นหรือลงก็จะไม่ overlap กับ wave 1  นั้นหมายความว่า ถ้าราคาเบรกที่ wave 1 จะถือว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้านั้นคือ wave 5 ที่เป็นจุดจบของขาลงหลักนี้  เหตุการณ์แบบนี้ จะเกิดได้เมื่อราคามันใกล้จุดกลับตัวมากๆ คนในตลาดว่าจะกลับตัวมันเลยเกิดสัญญาน false ได้ครับ

แต่ว่าถ้าไปชนตรงนั้นแล้วย่อลง ก็มีสิทธิ์ที่จะลงทำเวฟ 5 ให้สมบูรณ์ โดยอาจจะลงต่ำกว่าหรือเท่ากับ Low ที่ผ่านมาก็ได้ ดูลักษณะของ Macd แล้วลงต่ำกว่าก็ยัง Bullish convergence อยู่ดีครับ 

3. จากรูปที่เขียนบอกไว้ว่า "จุดทดสอบเวฟBในอนาคต" ที่ราคาแถวๆ 1530 นั้น มันจะเป็นจุดที่จะวัดว่า ไอ้การลงรอบที่ผ่านมานี้ จบบริบูรณ์ แล้วหรือยัง หรือจะเป็นแค่เวฟ A (ABC)  ถ้าไปชนแล้วย่อลง ก็จะเป็นการเริ่มต้นขาลงสู้ WAVE C ถ้าเบรกตรงนี้ได้ก็จะไปวัดลักษณะเดิมที่จุดต่อไปในข้อ 4

4. ที่ "จุดทดสอบขาขึ้นอีกครั้งในอนาคต" ตรงนี้ที่ราคา 1650 ซึ่งเป็น hi เดิม จะเป็นการเทสครั้งสุดท้ายของ WAVE B ถ้าเบรกได้ ก็จะถือเป็นขาขึ้นสมบูรณ์ แต่ถ้าเบรกไม่ได้ จะเป็นการลงทำ WAVE C ครับ

สุดท้าย ให้ลองเอาไว้ใช้เป็นกรณีศึกษา ถ้าตั้งใจอ่านดีๆ จะได้ความรู้เรื่อง การจับสัญญาน รูปแบบของกราฟราคา และลักษณะโดยทั่วไปของ Elliott wave ครับ อ่านดีๆจะได้ความรู้ต่อไปแน่นอน


วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วิเคราะห์กราฟ SET INDEX จังหวะกลับตัวใกล้เข้ามาแล้ว

จาก #กราฟset15 ที่ผมตีเมื่อวานนี้ ตอนนี้ราคาเทสที่ 1415 ตรงนี้เป็นจุดวันว่า ในเวฟ 5 ของขาลงนี้ ขณะนี้เป็นเวฟย่อยที่เท่าไหร่ ถ้าผ่าน 1415 ได้ มีความเป็นไปได้สูงที่ตรง low ที่แล้วเป็นจุดจบของเวฟ 5 ขาลงไปด้วย

แต่ถ้าไม่ผ่าน จะถือว่าตอนนี้เป็นเวฟ 3 ย่อยของเวฟ 5ขาลง 
ลักษณะ มีสัญญาน bullish divergence ทั้งในส่วนของเวฟย่อย และ ในส่วนของเวฟ 5ขาลง ใหญ่ จากที่ให้แนะนำให้จับตาใน #กราฟsetday

จากนี้ไม่ว่าจะเบรกก็ดี หรือถูกตบลงอีกรอบเพื่อเป็นเวฟ5 ย่อของ 5ขาลงใหญ่ก็ดี ล้วนต้องจับตามองถึงการกลับตัว

ถ้าตรงราคาต่ำสุดที่แถวๆ 1340 เป็นการกลับตัวจริง แนวต้านแรกจะเป็น 1440 1495 และสุดท้ายต้านสำคัญสุด 1532

1. ถ้าไปชน 1532 แล้วไม่ผ่าน จะคิดได้ดังนี้(ตรงนี้เป็นเรื่องอนาคตยังมาไม่ถึงแค่ตั้งสมมุติฐานไว้นะครับ)
-ช่วงที่ลงมาจาก 1650 มาถึง 1340 เป็นเวฟ aใหญ่
-ช่วงเด้งจาก 1340 ถึง 1532 เป็นเวฟ bใหญ่
-นั้นหมายความว่ามีโอกาสเกิดเวฟ c ที่ลงต่ำกว่าหรือเท่ากับ 1340

2. ถ้าไปชน1532 แล้วผ่าน จะไปเทสต้านที่ 1650 ไฮเดิมอีกที ถ้าไม่ผ่านก็จะกลับเข้าตามแบบข้อ 1 แต่ถ้าผ่าน ถือเป็นการกลับเข้าขาขึ้นอีกทีครับ

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วิเคราะห์หุ้น intuch กันแบบละเอียดชัดๆกันเลยครับ

INTUCH หุ้นที่เพื่อนในเพจเราแนะนำมาเมื่อวาน ตัวนี้ในส่วนของเวฟขาลงมัน ให้สงสัยได้ว่ากำลังเป็นเวฟ 5 แต่ยังไม่สมบูรณ์ ราคาอาจจะไปเจอกับตรงเทรนด์ไลน์แล้วย่อลงอีก ก็ได้ ถ้าย่อ แนวรับแรกเป้น75.5 นั้น หรือถ้ามันลงต่ำกว่านั้นนี่ยิ่งดี จะได้จับสัญญาน divergence ชัดๆ

   
ตัวนี้ลองสังเกตุนะครับจากโพสที่ผมโพสเรื่อง pattern ไปก่อนหน้า ตรงเลข 3 ที่กราฟ ราคา จะเห็น wave 3 , wave 5 ซึ่งเวฟ 5 ทำ new low ใช่ไหมครับ

ทีนี้ไปดูที่ส่วนของ rsi จะเห็น ว่าช่วงนั้นทำ divergence ใช่ไหมครับ  การเกิดแบบนี้ จะทำให้เราสงสัยได้ว่ามันกำลังจะจบเวฟ 3 ใหญ่(เลข3) ดังนั้นอาจจะมีการเด้งไปทำเวฟ 4 เป็นต้น

ทำไมเราถึงคิดว่ามันเป็นเวฟ 3 ไม่ใช่เวฟ 5 ใหญ่ที่จะกลับตัวเป็นขาขึ้นเลย ก็เพราะว่า  จากเลข 1-3 สัญญานใหญ่มันยังบอกว่าเป็น convergence นั้นหมายถึง มันมาทางไหนก็จะยังไปทางนั้นอยู่ มาทางลงก็จะเด้งแล้วมีสิทธิ์ลงต่อ ตรงนี้เป็นอาการปกติของเวฟ 3 สิ่งที่จะแสดง divergence จะไปเกิดที่เวฟสุดท้าย

ทีนี้มาดูจุดที่เราสงสัยว่าจะเป็นเวฟ 5 จะเห็นว่า จากเลข 3,5 ลองดูที่ macd นะครับ ตรงนั้นจะเห็นว่า macd ลงต่ำน้อยลง

เสียดายอย่างเดียวตรงส่วนกราฟราคาที่ลงคราวก่อนตรงเลข 5 น่าจะลงต่ำกว่าเลข 3 ไปเลย จะได้รู้แล้วรู้รอด

จากที่มันไม่ลงต่ำกว่า3 นี้เราตั้งข้อสงสัยอะไรได้บ้าง คำตอบก็คือ
1 อาจจะมีการลงต่ำกว่า 3 อีก
2 ถ้ามันเบรกเส้นเทรนด์ไลน์สีฟ้าขึ้น เวฟ 5 อาจจะจบที่ตรงนั้นแหละถือเป็นเวฟ 5 แบบ ไม่สมบูรณ์ ผมจำที่เขาเรียกว่าอะไรไม่ได้ละที่เวฟ5 อาจจะไม่ถึงเวฟ 3

ทีนี้ลองมาคิดกันว่าตลาดคิดยังไงกับราคารูปแบบนี้
- ราคาแถวๆ72 เป็นจุดที่เป็นเวฟ 4 ขาขึ้นรอบที่แล้ว มันเป็นแนวรับที่คนส่วนใหญ่ลุ้นกันไม่ให้หลุด(ขึ้นกับสถานการณ์รวมของตลาดด้วย)

- ตรงเลข 3 ตอนที่ราคามาถึงตรงนั้น จากสัญญาน divergence เล็ก ที่บอกข้างบน คนสงสัยว่ามันอาจจะเป็นเวฟ 5 นะ และถึงยังไงอย่างน้อยมันต้องเป็นเวฟ 3 ที่มีเด้งเป็นเวฟ 4 แน่ จะเห็นว่าตอนที่เด้ง ในช่องโวลุ่มก็เพิ่มขึ้นไปจนถึงเลข 4 เลย แต่มากไหมก็ยังไม่มากเมื่อเทียบกับช่วงอื่น เพราะอะไร ก็วนกลับไปที่บอกว่าภาพใหญ่ยัง convergence มัน divergence เฉพาะภาพเล็ก คนยังกลัวว่าจะมีลงอีกรอบ ดังนั้นคนจะขายก็ยังไม่อยากขายเท่าไหร่เพราะกลัวว่าถ้ามันเป็นเวฟ 5 จะไปขายที่ต่ำสุด แต่คนจะซื้อ ก็ไม่อยากซื้อ หรือซื้อก็ซื้อแบบระวังๆเพราะมันมีสิทธิ์มีเวฟ 5 ตามมา ทำให้ราคาขึ้นไปขนาดนั้น แต่โวลุ่มไม่ได้เยอะมากสมราคาเลย เพราะคนยังกล้าๆกลัวๆ

-จากเลข 4 ลงมาแถวๆ เลข 5 ดู macd มันลงมาไม่มาก เพราะอะไร เพราะคนที่จะขายในตลาดขายไปเยอะแล้ว ในส่วนของโวลุ่ม เพิ่มขึ้นมากกว่าตอนที่ขึ้นไปที่เวฟ 4 เพราะอะไร เพราะว่าคนที่คิดว่ามันอาจจะเป็นเวฟ4 และกำลังจะลงทำเวฟ 5 มั่นใจแล้วว่ามันลงเวฟ 5 แน่ก็ต้องขายออก โวลุ่มเลยเยอะกว่าตอนมันขึ้นทำเวฟ4

- ทีนี้ลองดูตรงที่ชิดๆเทรนด์ไลน์ราคาปัจจุบันนะครับ ราคาเด้งจากเลข 5 ไปชิดเทรนด์ไลน์นั้น แต่ว่าโวลุ่ม กลับลดลง เพราะอะไร เพราะคนในตลาดเห็นว่าที่ราคาเลข 5 ก่อนหน้านี้ มันยังไม่คอนเฟิร์มมาต่ำกว่า 3 มันจึงไม่เรียกได้เต็มปากว่า bullish divergence แล้วโว้ย นั้นก็คือมีสิทธิ์ที่จะลงไปต่ำกว่านั้นอีก คนเลยยังไม่กล้าเข้า แถมยังไปชิดแนวต้านที่เทรนด์ไลน์นั้นอีก ตอนนี้ส่วนมากเลยนั่งดูรอความมั่นใจ ถ้าลงรอบต่อไปแล้วdivergence ของ3 กับ 5 ยังอยู่ไม่หาย อาจจะเป็นจุดซื้อที่ดีกว่า

- แต่ถ้าเบรก เทรนด์ไลน์นั้นไปได้ ผมคิดว่าคนจะมั่นใจขึ้น โวลุ่มก็จะตามมาแน่ๆ แต่จะไปชะลอที่เลข 4  และถ้าเบรก4 ได้ คราวนี้กระโดดขึ้นรถให้ทันเขา




เทคนิคคอลหุ้น Patterns หลอก breakout จริง หรือไม่ ลองมาอ่านที่นี้ครับ

ผมคิดว่าเวลาเราศึกษาเทคนิคคอลของหุ้น เรื่อง patterns ยังค่อนข้างมั่วอยู่ เลยมักถูก patterns หลอกประจำ เลยขอเล่าเรื่องนี้ให้อ่านกันเล่นๆนะครับ

เวลาเราใช้ patterns จับทิศทางราคา ถ้าใช้โดดๆโอกาสทายถูกแทบจะถือว่าต้องใช้โชคดีอย่างเดียว ถ้าจะให้ใชัได้ดี ควรใช้ร่วมกับสิ่งอื่น

   
1 ใช้ร่วมกับ Elliott wave ในจุดสิ้นสุดของเวฟ เช่นเวฟ 2 4 เมื่อเกิด patterns ต่างๆมันจะทำให้เรายิ่งคาดได้ว่าหลังจาก breakout แล้วมันจะไปตามเวฟต่อไปทางไหน

2 ใช้ร่วมกับสัญญานทางเทคนิคอื่นๆเช่น MacD เมื่อสงสัยว่าจะเป็นจุดสิ้นสุดของ เวฟ กราฟได้สร้าง patterns และสัญญานทางเทคนิคนี้คอนเฟิร์มการเบรก Divergence กลับตัว Convergence เบรกลงต่อ เราจะจับทิศได้มากกว่า

3 เมื่อ patterns breakout แล้ว ตัวโวลุ่มจะคอนเฟิร์มอีกทีว่าเบรกจริงหรือเบรกหลอก

chart patterns มันไม่ได้ไรเหตุผล มันเป็นการดูอารมณ์และอุปสงค์กับอุปทาน ของตลาดจริง ดังนั้นมันต่างกับการจดจำชื่อหรือรูปแบบของ patterns นะครับ จำได้ก็ดี แต่ผมว่าวิเคราะห์ให้ออกว่ามันทำไมถึงเป็นแบบนั้นจะดีกว่า

chart patterns จะมีอยู่หลักๆ 3 แบบ


1 ไปชนแนวต้าน/รับแล้วเทสแนวต้าน/รับนั้น แล้วถึงกลับตัว มักเกิดเมื่อจบเวฟ
2 ไปชนแนวต้าน/รับแล้วเทสแนวต้าน/รับนั้น แล้วถึงไปต่อ มักเกิดเมื่อจะเบรกแนวต้านเก่าเพื่อไปสู่เวฟถัดไป
3 patterns ที่แสดงถึงความยังไม่แน่ใจ ราคาบีบบเข้าสุดท้ายเบรกไปทางไหนทางหนึ่ง เกิดเมื่อใกล้จบเวฟพักตัว

ทั้ง 3 ข้อเป็นได้ทั้งขาขึ้นขาลง
ดังนั้นเมื่อเพื่อนๆถามผมว่า ราคาตอนนี้เป็น patterns นั้นหรือนี่หรือเปล่า ผมตอบรวบเลยไม่รู้จริงๆครับ แต่ถ้าถามว่าคนในตลาดคิดยังไงกับราคาที่ออกมาในกราฟทรงนี้ แบบนี้ถึงพอจะกล้อมแกล้มบอกได้ว่าคนคิดกันแบบไหน

ขนาด patterns ยังไม่รู้เรื่อง การอ่านแท่งเที่ยนนี่ยิ่งไม่รู้เลย(สำหรับผมนะ ผมว่ามันสั้นมาก มากเกินที่โชคดีของผมจะทำงานกับมันได้ผลน่ะ)

หลักสำคัญ เลยใช้สิ่งที่บอกข้างบนมาดูว่าตอนนี้ราคามันอยู่ช่วงไหนของรอบ ช่วงที่เกิด patterns คือช่วงที่กำลังวัดใจ ราคาจะเบรกไปทาง ที่สัญญานกับ คลื่นที่เหลือบอก (ทั้งนี้ถ้าไม่มีข่าวรุนแรงมากระทบนะครับ)

กำลังซุ่มเขียน ebook ที่จะรวมทั้ง สามหัวข้อหลักคือ chart patterns , elliott wave ,แล้วก็การจับสัญญาน มาไว้อยู่ คงอีกพักใหญ่เพราะทำเรื่อยช้าจัง 555

picture from www.investopedia.com

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วิเคราะห์หุ้น TRUE มาดูว่าตลาดขาลงนี้จะกลับตัวแล้วหรือยัง

TRUE เอากราฟ week มาดูกันก่อน จะเห็นว่า ที่ 6.25 เป็นจุดแนวรับของทั้งเทรนด์ไลน์ขาขึ้น และ เป็นแนวรับซึ่งเป็นยอดเวฟ 1 เก่า ตรงนี้น่าจะแข็งหน่อย

ที่ราคาพุ่งลงมหาโหดขนาดนี้แล้วยังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นได้ ก็เพราะว่ามันก็ขึ้นมามหาโหดเหมือนกัน โดยส่วนตัวถ้าจับสัญญานตลอด ราคาตั้งแต่ 132.8%-161.8% นั้นควรจะต้องระวังมากๆแล้ว

พูดเรื่องเก่าไปก็ไม่มีประโยชน์ เอาเรื่องตอนนี้ แนวรับที่โอเคสุดตอนนี้ก็คือแถวๆ ยอดเวฟ 1 หรือเส้นเทรนด์ไลน์หลักนั้นแหละครับ

ส่วนแนวต้าน ระยะสั้นแถวๆ 6.8 แน่นอนว่าระยะสั้นมี มีสัญญานกลับตัวจากทั้ง macd และ rsi  โวลุ่มก็กำลังชะลอลงนั้นหมายถึงคนขายทำกำไรไปเยอะแล้ว ตอนนี้รอดูท่าที

ตัวนี้ยิ่งดูกราฟ แล้วยิ่งเห็นได้ชัดว่าราคาวิ่งจากการเก็งกำไรกับเล่นข่าว ไม่ได้ขึ้นเพราะ สามจง สามจี (แบบพื้นฐาน) แน่

   

วิเคราะห์หุ้น BJC ในส่วนกราฟเทคนิคคอล และ Elliot wave

BJC  ก็เป็นช่วง Wave 5 ของขาลงนี้นะครับ สัญญานกลับตัวเช็คตรง 46.5 นี้ถ้าไม่หลุด ถือว่าพอมี Bull Div ให้เห็น แนวต้านจะเป็น 51.6 , 56.5 61.5 หรือแถวๆเส้นเทรนด์ไลน์เส้นบน

ส่วนแนวรับ 46.5 42.7 ตามลำดับ ถ้าหลุด ที่ 42.7 เป็นจุดที่วัดเวฟ 5 ได้ 61.8% ของเวฟ 3
   


วิเคราะห์หุ้น HMPRO ใกล้ถึงจุดรับ เล็งหาจุดกลับตัวจากสัญญานทางเทคนิค

วิเคราะห์หุ้น HMPRO เอาภาพใหญ่ไปก่อนเดี๋ยวมาดูภาพเล็กส่วนขาลงกันอีกที แนวรับตอนนี้เกาะเทรนด์ไลน์หรือยอด Wave 3 ในส่วนของ Elliot Wave อยู่ ถ้าหลุดยอดเวฟ3 รับใหญ่ต่อไปคือตรงเวฟ4 ที่จริงไม่น่าหลุดตรงยอดเวฟ 3 นะครับ และถ้าลงมาถึงยอด wave 4 ยิ่งน่าสนใจ 
   

เดี๋ยวมาดูส่วนภาพเล็กเจาะตรงเวฟของขาลงอย่างเดียวกันต่อ ตัวนี้ผมนึกว่าคนในเพจไม่ค่อยถือ ไม่ค่อยมีคนถามถึงเท่าไหร่



HMPRO ในส่วนของกราฟย่อยขาลงระยะสั้นนี้ อยู่ในช่วงเวฟ 5 แล้ว แต่ยังไม่เกิด bullish divergence นะ การรีบาวนด์นี้ คาดว่าจะเป็นเวฟ iii ย่อยของเวฟ 5 ขาลงนี้ 

โดยจะใช่หรือไม่ให้เล็งแถวๆ 11.5 และ 12.6 ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ โดยเฉพาะ 12.6 ถ้าเด้งไปถึงแล้วไม่ผ่าน คาดว่าแนวรับจะอยู่ที่อย่างน้อย10.6 -10.3 ซึ่งเป็น จุดของเวฟ 3(ขาขึ้นก่อนหน้านี้) ดูสอง time frame ประกอบกันนะครับ ตัวนี้คิดว่าน่าจะกลับตัวพร้อมกับเซท กราฟเหมือนกันเลย




วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กราฟทองอัพเดต ราคาใกล้จุดน่าจับตา

#กราฟทองคำ 

กลับมาดูทองกันบ้างวันนี้เบรกลงมาแตะเส้น 61.8% ซึ่งเป็นจุดคาดหมายเวฟ {v} มีสิทธิเป็นเวฟย่อยขาลงตัวสุดท้ายของ c ตรงนี้ให้จับตาดีๆ ถ้าเบรกลงต่อก็ปล่อยมันไป ถ้าเด้งเมื่อไหร่รีบจับสัญญาน ว่าจะมีสัญญาน divergence ไหม 

   
อันนี้เป็นความเดิมของตอนที่แล้ว เข้าไปอ่านดูเพื่อทั้งการศึกษาหรือ เป็นแนวทางประกอบ 
ตีกราฟทอง หาจุดกลับตัวทำกำไรทางเทคนิคแบบเข้าใจง่ายพร้อมอธิบายให้ศึกษาไปด้วย


วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จับตาelliot wave เวฟ5 ของขาลงของ set index รอบนี้

#กราฟsetday
   
 วันนี้วุ่นทั้งวันไม่ได้โพสไรเลย เริ่มว่างเลยเอาตัวขยายจากกราฟที่ตีก่อนหน้านี้มาฝาก จาก วิเคราะห์กราฟ Set Index

ตรงส่วนที่บอกว่าเป็นส่วนของเวฟ 5 จะเห็นว่าตอนนี้เกาะๆแถว 61.8% ถ้าเบรกตรงนั้นไปต้านที่เวฟ 4 ตรงนี้ถ้าเบรกได้จะดูดีอย่างที่บอกในกราฟก่อนนั้นแต่ถ้าย่อลง อาจจะไปเทสที่ 1350 อีกรอบ รายละเอียดหลักๆ คลิกเข้าไปดู ใน tag ที่เป็นลิ้งค์ นั้นนะครับ



วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วิเคราาะหุ้น กราฟsetday มาจับแนวรับแนวต้านของอาทิตย์นี้กัน

#กราฟsetday มาว่าเรื่องกราฟเซทแบบรายวันก่อนเปิดตลาดพรุ่งนี้กันบ้างนะครับกราฟสั้น 10 นาทีเดี๋ยวค่อยว่ากันต่อ
---------------------------------------------------
เมื่อวิเคราะห์จากเวฟ 1 ซึ่งเริ่มที่ 1650 ที่ลงมาถึง 1580 จุดต่ำสุดที่อาจจะคาดหมายเป็นปลายเวฟ 5 คือที่1350 มีขนาดประมาน 361.8% ของเวฟ 1 ถามว่าตรงนี้ควรกลับตัวไหม บอกตรงๆราคาที่ผมคิดในใจตอนแรก คือแถวๆ 1450 แค่นั้น หุหุ แต่สัญญาน macd กลับชี้ลงต่อ
   


สังเกตุเมื่อราคาหลุด 1450 ลงมามันหลุดเส้น ema200 (เส้นสีน้ำเงิน) ซึ่งเป็นแนวรับระยะค่อนยาวด้วย ราคาเลยดิ่งหนักตามมาเพราะเป็นแนวรับที่มีนัยสำคัญ

หลังจากหลุดได้ 2 วันไปแตะจุดต่ำสุด(เมื่อนับเวลาถึงตอนนี้นะ) ที่ 361.8% ก็เกิดการเด้งพร้อมกันแทบจะทั่วภูมิภาค กับ ฝรั่งขายน้อยลง (อันนี้ไม่ได้ประกันว่าจะกลับตัวนะแต่น่าจะเป็นการดูท่าทีมากกว่า) และตอนนี้ราคากลับมาอยู่เหนือเส้น ema200 อีกครับ 

ในส่วนนี้บอกอะไรเราบ้าง ณ ตอนนี้แนวรับที่ลงไปจิ้มแล้วเด้งขึ้นทันทีคือที่ 1350 เราถือว่าเป็นแนวรับที่เป็นรับหลัก ถ้าเกิดราคาย่อมาอีกรอบ ที่ราคา 1350 หรือต่ำกว่านั้นประมาน 1300 จะกลับเป็นจุดสังเกตุสัญญานกลับตัวอีกรอบ ถ้าสัญญานคอนเฟิร์มก็จะสบายใจได้มากกว่าที่จะพูดว่ากลับตัวในตอนนั้นครับ

แล้วถ้าไม่ย่อลงมาละ ก็มาดูต่อที่เวฟ 5 ตัวปัจจุบันเลย

---------------------------------------------------

เวฟ 5 ขาลงปัจจุบันให้เริ่มที่ 1540 ลงไปต่ำสุดที่ 1350 (เลขกลมๆนะ) ก่อนที่ระรีบาวด์ ขึ้นมาติดแนวต้านแถวๆ 1468-1470 ซึ่งมีขนาด 61.8% ของเวฟ 5 นี้นี่เอง 

ตรงนี้บอกอะไรเรา ตัวเลข 61.8% ที่รีบาวด์มานี้ ปกติถ้าจะลงต่อแรงก็ควรจะไม่ผ่านคือรีบาวด์ขึ้นมาติดตรงนี้แล้วลงต่อ นั้นถือให้ว่า1468-1470 เป็นแนวต้านที่ 1 ได้เลย ถ้าลงต่อไปไปวัดกันที่แนวรับที่ ว่าข้างบน 

แต่ถ้าผ่านต้านนี้ไปได้ นั้นหมายความว่า คนสงสัยว่าตรงนี้จะเป็นการกลับตัวเป็นขาขึ้นได้ไหมความสงสัยตรงนี้จะไปถูกตัดสินที่ 1540 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเวฟ 5 นี้ ตรง 1540 จึงเป็นต้านที่สำคัญซึ่งถ้าเบรกได้มีความเป็นไปได้สูงที่จะตีว่าเริ่มเข้าสูขาขึ้นอีกครับ 

ในส่วนของสัญญานการกลับตัวระยะสั้นลงมา มีเพียง rsi ที่ให้สัญญาน divergence แบบอ่อน ให้ครับ ในส่วนของระยะกลางคือตั้งแต่กราฟวันไป ยัง convergence

------------------------------------------------------------------

สรุปแนวรับแนวต้าน 

1 แนวรับ 1300-1350 ถ้าราคาลงไปอีกรอบแล้วเด้งได้ ให้จับตาสัญญานกลับตัว ถ้า convergence ตั้งแต่กราฟ 60 ขึ้นไปจาก macd เตรียมหาหุ้นที่ชอบกัน
2 แนวต้าน 1468-1470 ถ้าไม่ผ่านมีสิทธิ์เป็นไปได้สูงที่จะลงไปเทสอย่างน้อยก็โลวเดิมคือ 1350 แต่ถ้าผ่านจะไปที่ต้านต่อไปและตรง 1468-1470 จะกลายเป็นแนวรับ
3 แนวต้าน 1540 ถ้าเบรกได้มีสิทธิ์สูงที่จะนับขาขึ้นใหม่เริ่มจับตาเวฟ 1 แต่ถ้าย่อ 1468-1470 เป็นแนวรับ (เป็นจุดต่อสู้ระหว่างขาขึ้นกับขาลงจริง)ถ้าหลุด 1468-1470 ก็ กลับไปเริ่มพิจรณาข้อ 1 อีกรอบ




วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

คติสอนใจช่วงตลาดหุ้นตก ควรจะเข้าช้อนซื้อหุ้นเลยไหม

เวลานี้มีคำพูดท้าทายพวกเราๆท่านๆคำหนึ่งที่จะได้ยินบ่อยกันทุกคนคือ

"ตอนเขากลัวเราต้องกล้าเขา"

ขอเตือนว่าคำนี้มันสองคมนะครับ
ถ้าเราซื้อถือยาวๆๆๆแบบไม่สนกำไรจากส่วนต่างซื้อเก็บ อันนั้นราคาลงมาคิดว่าพอใจก็ซื้อโลด

ส่วนอีกคม ถ้าไม่ได้ซื้อเพื่อถือยาวปานนั้
   
น มีดยังร่วงไม่ถึงพื้นรีบเอามือไปรับ มันจะได้เลือด

ใจเย็นๆกันครับทุกท่าน

รายชื่อหุ้นเกรียน 9 ตัวของวันนี้ ที่บวกสวนชาวบ้านครับ

ช่วงนี้เป็นช่วงที่คุณจะได้เห็นความขัดแย้งทางความคิดเห็นต่อราคาของคนฝั่งซื้อฝั่งขายอย่างชัดเจน bid กับ offer จะไม่ต่อเนื่องเหมือนภาวะปกติ
   

เราจะเห็นได้ว่า bid-offer ต่างกันเกินสามช่องหลายตัวเลยครับ ดูไว้เป็นบุญตา ตอนนี้แหละอารมณ์ของคนในตลาดแสดงความขัดแย้งออกมาให้เห็นอย่างดีที่สุด



ตลาดหุ้นดูกันชัดๆให้เห็นภาพ ว่าช่วงนี้ควรลงทุนกันยังไง

มาดูเซทรายวันกันนะครับ ในส่วนกราฟสั้นนั้นดูอันเก่าได้ (นับเวฟ set)แต่ถึงตอนนี้ จุดที่คาดหวังว่ารีบาวแล้วเราจะจับตาสัญญาน divergence มันผ่านมาแล้ว ซึ่งแน่นอนมันผ่านมาพร้อมกับสัญญาน convergence นั้นหมายถึงถ้าเด้งก็มีโอกาศลงต่อมากกว่า

ในส่วนการอธิบายกราฟนี้ผมจะพยายามเขียนให้คิดกันเป็นภาพสนุกๆ พยายามจะไม่พูดให้เป็นแต่เวฟนั้นนี่อย่างเดียว จะได้มองเห็นภาพกันได้มากขึ้นนะครับ


   
ตัวละครของกราฟนี้มี 3 ตัว
1 หมีใหญ่
2 กระทิงสีฟ้า
3 กระทิงสีแดง

แต่ละตัวละครนิสัยใจคอเป็นยังไงลองมาดูกัน

กราฟนี้เรามาดูมุมกว้างบ้าง ตรงเส้นเทรนด์ไลน์เส้นประสีฟ้า ลงมาถึงแถวๆ พันสี่ปลายๆ เป็นจุดลุ้นที่ถ้าเด้งตรงนั้นเซทจะยังรักษากระทิงสีฟ้าตัวนี้ไว้ได้อยู่ กระทิงสีฟ้าตัวนี้อยู่กับเรามาเกือบสองปีแล้วนะครับ

แต่จากไม่กี่วันที่ผ่านมาอย่างที่บอก ลงนิวโลว์พร้อมสัญญาน convergence คงพอจะคาดได้ว่า ไอ้กระทิงสีฟ้าตัวนี้มันไปจากเราแล้ว พื่นที่ตรงไฮเดิมลงมาจนถึงราคาปัจจุบัน ตกเป็นของเจ้าหมีใหญ่เป็นที่เรียบร้อย แต่เรายังเหลือกระทิงอีกตัวครับ อย่าเพิ่งตกใจไป

กระทิงอีกตัวที่ว่า คือที่เส้นเทรนด์ไลน์สีแดงใหญ่ข้างล่าง ตัวนี้ อยู่กับเรามาสี่ปีกว่า และหลังจากกระทิงสีฟ้าไป ก็เป็นเวลาที่เราต้องจับตากระทิงสีแดงตัวนี้ต่อ

ต่อไปนี้ผมจะแนะนำกระทิงสีแดงตัวนี้ให้ฟังคร่าวๆว่ามันนิสัยยังไง ความอดทนของมันมีแค่ไหนกันนะครับ

เจ้ากระทิงสีแดงที่ว่านี้มันจะยังมีใจกับเราอยู่ ถ้าราคามาแตะเส้นสีแดงแล้วเด้ง หรือ ถ้าแย่ๆ มาแตะตรงยอดเลข 1 ตรงนั้นแล้วต้องเด้ง ตรงนั้นห้ามลงต่ำกว่าเด็ดขาด ถือเป็นบ้านหลังสุดท้ายของกระทิงสีแดงตัวนี้

ถ้าหลุดทั้งสองจุดที่ว่านี้ ก็มีสิทธ์จะบอกได้ว่ากระทิงแดงตัวนี้แพ้หมี หนีไปเรียบร้อย ถ้าเป็นแบบนั้นก็คาดว่าจะขาลงยาว หรืออย่างน้อยสุดก็น่าจะไซด์เวย์ยาวพักใหญ่

ตอนนี้ก็ยังบอกได้ว่าหมีใหญ่ กับเจ้ากระทิงแดงนี้สู้กันอยู่ เราจะรู้ได้ไงว่าหมีใหญ่หรือกระทิงแดงกันที่กำลังได้เปรียบ

ให้กลับไปดูกราฟสั้นที่เคยตีไว้ ตอนนี้มันอยู่ในเวฟ 5 ของขาลงล่าสุด แต่จงระลึกไว้ว่าเวฟ 1-5 ของเขาลงชุดแรกอาจจะเป็นเพียงแค่เวฟย่อยของ a หรือถ้าเลวร้ายโคตรๆ ก็เป็นเวฟย่อยของเวฟ 1 ไอ้อย่างหลังนี้ผมคิดว่ามันไม่น่าใช่ตอนนี้เท่าไหร่หวังว่ามันจะไม่เกิด

ณ ตอนนี้ ทำ new low พร้อม convergence เราก็ตีได้ว่าช่วงนี้หมีได้เปรียบ โอกาสที่ดินแดนของเจ้ากระทิงแดงจะถอยร่นลงไปมีมากกว่า

แต่เมื่อไดที่เกิดสัญญาน divergence คือราคากับ เครื่องมือจับสัญญานของเราวิ่งสวนกัน อันนี้ก็เท่ากับ ฝ่ายกระทิงสีแดงได้เปรียบ อนาเขตของกระทิงก็จะเพิ่มคืน เจ้าหมีใหญ่ก็จะมีที่อยู่น้อยลงไปตามปกติ


แล้วต้องเกิดอะไรถึงจะเรียกว่าเจ้าหมีใหญ่จะโดนไล่หนีออกไปจากตลาดได้สำเร็จ

ก็ให้จับตาดูอนาเขตของหมีใหญ่ดู อนาเขตของหมีใหญ่ก็คือช่วงขาลงของตลาด ซึ่งเริ่มตั้งแต่ ไฮเดิม ลงมาจนถึงราคาปัจจุบัน หมีจะหนีไปจนหมดสิ้น เมื่อราคาเบรกไฮเดิมนั้นได้นั้นเอง

ทั้งนี้ทั้งนั้น หมี กับกระทิง มันไม่เคยหนีไปไหนไกล ถ้าตอนนี้โดนไล่ออกไป มันก็จะยังจ้องกลับเข้ามาเหมือนเดิม มันจะเข้ามาเมื่อไหร่ก็ใช้การจับสัญญานของมันเหมือนเดิมที่ผ่านมา

พยายามมองมันให้เป็นเป็นภาพที่สนุก เราจะได้อยู่กับมันอย่างสนุกขึ้น ในช่วงเวลาที่น่าอึดอัดนี้ครับ 

เพิ่มเติม เรามีสิทธิ์เลือก ก็อย่าไปถือหางผู้ที่กำลังเสียเปรียบครับ

วิเคราะห์กราฟ Set ระยะสั้นวันนี้

Set 10 นาที แบบสั้นๆรายวัน ทำไมไม่คิดว่า1350 เป็นจุดกลับตัว ที่ควรตีว่าเป็น wave5(ย่อย) เพราะมันไม่มีสัญญานกลับตัวอ่ะดิ หุ้นยังดูลงต่อเนื่อ
   

แนวต้านคือ 1423 ปิดแก็พพร้อมจบเวฟ 4(ย่อยซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้ง 4 ย่อยของเวฟ 5 หลัก หรือ 4 ย่อยของเวฟ 3 ย่อยของเวฟ 5 หลัก เออเอาดิ) ถ้าเบรกต้านขึ้นไปได้ 1461 เป็นต้านต่อไป(ส่วนตัวคิดว่ายากที่จะเบรก) แค่ไปปิดแก็พจบเวฟ 4 นั้นได้ก็ดีแล้วเพราะสัญญานที่เป็นกำลังส่งให้เบรกขึ้นไปอีกไม่ค่อยมีเลย(อันนี้ความเห็นส่วนตัว ว่าตามกราฟนะ)

ถ้าย่อลงมาแนวรับคือ 1384 และ 1350 ตามลำดับ ถ้าเบรกรับหลังนี้ลงไปได้ก็มาจับตาสัญญานกลับตัวสั้นกันอีก

ช่วงนี้พยายามตรวจหากระทิงบ่อยๆแล้วก็อ่อนใจ 


วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ว่าด้วยเรื่องการใช้ข่าวมาวิเคราะห์หุ้น stock

เห็นข่าวจากโบรกเกอร์หุ้น จากหนังสือเอย ทีวีเอย เว็บเอย เฟสบุ๊คเอยมันคันมือ ขอคิดต่างสักโพสเรื่องข่าวนะครับ

จากสองโพสนี้ที่เตือนไปตั้งแต่ครั้งกระโน้นและหลายๆโพสถ้าใครสังเกตุติดตามมานะครับ
http://on.fb.me/18r9X09
http://on.fb.me/191O04E


   
จากสองลิ้งค์ข้างบนผมเขียนเตือนไว้ว่า "ระวัง เรื่องข่าวมันจะเกิดพร้อมกันกับกราฟ"
ตอนนี้ไล่ตั้งแต่สำนักข่าวเศรษฐกิจ โบรกหุ้นต่างๆ

พูดเป็นเสียงเดียวกันหมด "ค่าเงินบาทอ่อนลง ฝรั่งกลัวขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน บลาๆๆๆๆ" ค่าเงินบาท กับ ราคาหุ้น อ่านในลิ้งข้างบนได้ว่าอันใดมันควรเกิดก่อนกัน ค่าเงินควรเป็นเหตุ หรือว่า ควรเป็นผล ของเหตุการณ์นี้

ที่อยากชี้ให้เห็น คือข่าวมันมาหลังสัญญาน ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ก็เพราะคน พยายาม "หาเหตุมารองรับผล"

ด้วยวิธีการแบบนี้ตามหลักพุทธเราเขาบอกว่ามันไม่ เมกเซนส์ นะครับ ธรรมะ ท่านว่า "เมื่อมีเหตุนี้ ผลนี้จึงเกิด" มันคนละเรื่องกับ "เมื่อมีผลนี้ เหตุนี้จึงเกิด"

ถ้าเล่นหุ้นแบบ นั่งหาเหตุ นี่อาจจะลำบากหน่อย สิ่งที่ฟังดูเมกเซนส์กว่า ควรจะ "นั่งหาผลที่เป็นไปได้" มาใช้มันจะดีกว่า

นี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่เอาข่าวมาตัดสินใจในหุ้น

เหตุผลที่สองก็คือ ถ้าผมเดินออกจากแถวบ้านไปแล้วถามคนแถวนั้นว่า "รู้ไหมตรูลูกใคร" ถ้าเขาตอบว่า "ตรูไม่รู้" อันนั้นก็ไม่ควรเอาข่าวมาเป็นหลักในการตัดสินใจ

ประการเดียวประการหลักที่ข่าวจะมีผลกับหุ้น ข่าวต้องแรงจริงและไม่มีใครรู้มาก่อน เช่น "พรุ่งนี้จะมีเครื่องบินชนตึก" , "พรุ่งนี้เกาหลีเหนือจะบุกเกาหลีใต้" อะไรแบบนั้นถึงจะเรียกว่าข่าวหักเทคนิคจริง

เวลาเราจะดูข้อมูลจากคนอื่นไม่ว่าโบรก หนึงสือพิมพ์ หรือแม้แต่จากเพจนี้ เอาไปประกอบควรคิดให้ดีๆ หลายๆตลบหน่อย สุดท้ายให้มันออกมาเป็นแนวคิดของเราเองจะดีที่สุดครับ

นี่เป็นแนวคิดของผมที่มีต่อการใช้ข่าว ไม่ใช่ว่ามันจะถูกต้องนะครับท่านๆอ่านแล้วประมวลกันเองเด้อ