จำนวนเงินที่เราจะคิดไว้ในใจ จะใช้แต่เพียงอัตรเงินเฟ้อปกติมาคิดนั้นไม่ได้ เงินเฟ้อที่ประกาศออกมากับเงินเฟ้อความจริงนั้นต่างกันมาก
เงินเฟ้อที่จะทำลายมูลค่าของเงินเราลงไม่ใช่แค่ 3-4% ที่ประกาศแน่นอน
ไม่ต้องเทียบอะไรมาก เอาแค่ก๋วยเตี๊ยวสักชาม สิบปีที่แล้วจานละยี่สิบ ตอนนี้ปาไป 40 ถ้าคิดปกติ (หากินยากละนะ ถ้า 40 ปกตินี่มีแต่วิญญานถั่วงอกแล้ว) เงินเฟ้อถ้าเพิ่มขึ้นที่ปีละ 3% ราคามันควรจะแค่ประมาน 27 บาท แต่ที่จริงขึ้นไปเกือบๆปีะ 8% นะครับ
เงิน 1 ล้านในวันนี้ อีก 10 ปีข้างหน้า ค่ามันจะเหลือ 7แสน 4 ในทางอัตราเงินเฟ้อที่เขาประกาศ และถ้าเปรียบเทียบกันแบบเคสก๋วยเตี๋ยวที่ว่า มันเหลือแค่ห้าแสนเอง
ไหนจะยังไม่นับ รายจ่ายของเราที่เพิ่มขึ้นตามวัย สมมุติวันนี้เราอายุ 30 กำลังจะแต่งงาน อีกสักแปบมีบ้าน มีรถ หลังจากนั้นรายจ่ายก่อนใหญ่จะตามมาเมื่อมีลูก หาเงินอย่างหนักให้เขาได้อยู่ได้เรียนดีๆ พอเรียนจบ ปุ๊บนึกว่าจะหมดภาระ ตัวเราก็จะเริ่มเข้า โรงบาล เริ่มต้องเตรียมเงินสำหรับ สำรองไว้เผื่อสุขภาพตัวเอง โอ้ยชีวิตมันมืดมนจัง
การหาสินทรัพย์ลงทุนที่เสี่ยงไม่มาก เช่น
- ประกันเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญ จ่ายไม่เยอะ มากมายอะไร แต่เมื่อต้องใช้มามันก็อุ่นใจ
- ทองคำ(ในแบบซื้อเก็บ) เน้นว่าไม่ใช่การซื้อมาขายไป อันนั้นเสี่ยงกว่าหุ้น เยอะ ปันผลไม่มีถือเป็นข้อเสียของมันอย่าหนึ่ง แต่ถ้าหาจังหวะซื้อเก็บไปเรื่อย ยังไงก็คิดว่าอัตราการพิมพ์เงินเพิ่มเยอะๆ อย่างทุกวันนี้จะไม่ลดลงง่ายๆ มีเงินในตลาดเยอะเงินก็มีค่าน้อยลงเรื่อยๆตามหลักอุปสงอุปทาน ของที่เพิ่มขึ้นที่ละไม่มากอย่างทองคำ ระยะยาว มันมีเหตุผลที่ราคาจะเพิ่มเรื่อยๆ
- ซื้อที่เพื่อทำเกษตรไว้บ้าง ที่ดินเป็นอีกสิ่งที่ราคามันมักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆระยะยาว (แน่นอนว่าคนละเรื่องกับการไปซื้อที่เก็งกำไรนะ) ลองคิดง่ายๆ คนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความต้องการมันก็มีเพิ่ม ไอ้ที่ที่แพงๆเวอร์ๆส่วนมากมันกระจุกตัวอยู่ในเมือง
ที่ ข้างนอก ตจว พวกนี้ราคาย้งไม่แพงแต่ราคาก็กำลังไล่ขึ้น(ตอนนี้ขึ้นมาแบบน่ากลัวหลายๆจังหวัดทางเหนือทางอีสาน ยิ่งชายแดน ขึ้นโหดอันนี้ก็อย่าไปสนมัน)
ที่ดินเพื่อการเกษตรมันแจ่มกว่าทองก็ตรงที่ มันให้ปันผลนี่แหละ ซื้อแล้วปลูกอะไรไว้สักอย่างยังมีสิทธิ์ได้ เงินปันผลจากมันเรื่อยๆ (อันนี้ประสบการณ์ตรง ซื้อที่ถูกๆไว้ เมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ ราคาพุ่งเกิน2เท่าในแบบที่คนมาเสนอซื้อนะ เราไม่ได้ไปเสนอขาย แถมปลูกต้นไผ่ และต้นยาง หรืออื่นๆ ตามชอบ ไว้ทิ่งๆขว้างๆ กลับได้ขายผลผลิตมัน ซะงั้น เยอะกว่าปันผลจากหุ้นเทพๆเมื่อเทียบกับเงินต้นอีกจะบอกให้)
- ลงทุนกับงานที่เหมาะสมกับตัวเรายามมีอายุมากขึ้น อันนี้มุมมองในอนาคต ส่วนตัวล้วนๆ เทรนด์ของโลกนี้มันเปลี่ยนแล้ว เราไม่ได้อยู่ในยุคอุตสาหกรรมอีกต่อไป กำลังการผลิตไม่ได้มาจากการใช้คนจำนวนมากอีกแล้ว ในอนาคต คนคนเดียวอาจจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าโรงงานทั้งนิคมก็ได้ สินค้าเปลี่ยนไปและความรู้มันก็ถูกปรับให้เข้าถึงง่ายมากขึ้น คนจะเกษียรอายุ ตอน 65 ปี นี่ไม่ใช่เรื่องจริงแน่นอน ไม่มีคนแก่ที่ไหนอยากนั่งกินนอนกินหรอก เขาต้องการมีอะไรทำ เมื่อไหร่อายุถึงขนาดนั้นก็จะเป็นเหมือนกันนั้นแหละครับ
จะไปหวัง ให้บริษัทหรือ หน่วยงานที่เราทำงานให้ มาเลี้ยงเราตลอดไปเหมือนยุคพ่อยุคแม่นั้นเห็นจะไม่ง่าย
เราต้องหาเวทีในฐานะปัจเจกบุคคลที่มีคุณค่า จะทำยังไงให้มีเวที เราต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญอะไรสักอย่าง
มีช่างไม้อายุมากแล้วคนนึงเปิดเว็บเกี่ยวกับงานช่างทางไม้ พี่แกทำเงินได้ปีละเป็นล้านๆเหรียญ โดยที่ไม่ต้องไปเหนื่อยสร้างเหนื่อยทำเหมือนหนุ่มๆ อันนี้มีจริงผมจำชื่อเว็บแกไม่ได้ละ
อันหลังนี้สำคัญ คุณชอบคุณถนัดอะไร อย่าเก็บมันไว้คนเดียว ถนัดเย็บผ้า ถนัดทำกับข้าว ถนัดแต่งหน้า ถนัดเชื่อมเหล็ก หามันให้เจอแล้วแสดงมันออกมา เทคโนโลยีสมัยนี้มันถูกทำมาเพื่อปัจเจกบุคคลโดยแท้จริง ให้ได้แสดงตัวตนว่ามีเราอยู่ คนอื่นๆที่สนใจเรื่องเดียวกัน เขาก็พร้อมที่จะมาหาเราอย่างง่ายและเร็ว
ใช้มันให้เป็นประโยชน์ อันนี้แหละที่จะเป็นตัวเฟืองสำคัญที่จะทำให้เราชนะเงินเฟ้อ และยังทำให้ชีวิตในวัยชราของเรามีคุณค่า มีอะไรทำ ไม่อยู่แบบเซ็งๆ แน่นอน
ปล1 ผมยังไม่แก่นะ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น