จากข่าว Cash for no comment
ประเทศไทยเรามีหลายๆวิชาชีพที่น่าเป็นห่วง และเราช่วยกันบ่นช่วยกันจับตาตลอดมา ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ ทหาร นักการเมือง ข้าราชการ และอื่นๆอีกมากมาย
แต่มีอาชีพหนึ่งที่มักไม่ค่อยถูกบ่นถูกตรวจสอบ เพราะตัวเขาเองคือคนที่ทำหน้าที่บ่นหรือตรวจสอบคนอื่นๆอยู่แล้ว นั่นคือ วิชาชีพสื่อครับ
การเป็นสื่อนั้นมันสำคัญไม่น้อยไปกว่าอาชีพอื่นๆในสังคม และเผลอๆจะมากกว่าด้วยซ้ำ มีไม่กี่อาชีพหรอกครับ ที่ให้ผลกระทบกับสังคมทั้งสองทาง
ไม่ว่าจะเป็นกรณีตัวเองจะอยู่นิ่งๆไม่ทำอะไร หรือว่าเมื่อลุกขึ้นมาทำอะไรต่าง ผลกระทบต่อสังคมจะกว้างและลึกมาก
อาชีพสื่อนี้จึงต้องมีความรับผิดชอบสูงมาก หมอยังทำให้คนเป็นหรือตายได้ไม่เท่าคุณเลยครับ
ทุกวันนี้จึงมีสื่อไม่กี่กลุ่มที่กล้าลุกมาตรวจสอบตัวเอง บ่นตัวเอง พวกกระแสหลักถูกน้ำพัดจมหายไปหมดแล้วครับ เสนอข่าวตามสั่ง หุบปากตามคำขอ ทั้งจากกลุ่มทุนและนักการเมืองผู้มีอิทธิพล
ใบกิ่งอุดมการณ์ถูกน้ำพัดหลุดไปหมดแล้วเหลือแต่ตอไม้เหี้ยนๆ
ทำเพื่อตัวเองมองข้ามประโยชน์ของสังคม ที่พูดนี่ไม่ใช่เรื่องลอยๆนะครับ ถ้าเอาให้เห็นกันชัดๆไปดูที่เรื่องการเมือง เรามีสื่อโปรฝั่งการเมืองทั้งสองฝั่งแบบชัดๆเลือกเสนอข่าวแย่ของฝ่ายตรงข้ามนำเสนอข่าวที่เป็นประโยชน์ของฝ่ายที่ตัวเองถือหาง ตรงนี้ถ้าเราไม่จมไปกับอารมณ์ทางการเมืองจริงๆเราจะสามารถแยกแยะและเห็นครับ
ในส่วนของสื่อโปรธุรกิจนี่มันน่ากลัว คือมันเงียบ ประชาชนอย่างเรามองไม่เห็น เขาสั่งให้เงียบเราก็ไม่รู้แล้วครับ
สมัยก่อนธุรกิจที่มีปัญหากับสังคมมันเป็นรูปแบบผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น นักเลงภูธรว่ากันอย่างงั้นให้เห็นภาพ นักข่าวที่ขัดเขา เขาให้ลูกปืนยิงสำนักข่าวหลังข่าวออก
สมัยนี้โลกมันเปลี่ยนธุรกิจมันใหญ่ขึ้นระดับประเทศระดับโลก ไม่ใช่นักเลงภูธรอีกแล้ว กลุ่มธุรกิจพวกนี้เปลี่ยนวิธี และทำเชิงรุกมากขึ้น จากแจกลูกปืนหลังข่าวออก เป็นแจกเงินก่อนข่าวออก ซะเลย
ผมในฐานะคนที่มองโลกข่าวสารด้านลบมาตลอด(ถ้าตามกันมาสักพักจะรู้ครับ) จะขอกัดเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ มีประโยชน์มากหรือน้อยเปลี่ยนไรได้ไหมช่างมันแต่ขอให้ประเด็นนี้คงอยู่เผื่อวันหน้า มีอะไรไปเข้าฝันอุดมการณ์ของเขาจะได้ตื่นกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง
เรื่องนี้มันสำคัญจริงๆผมเคยพูดว่ายุคนี้มันวิวัฒข้อมูล ถ้าเรื่องแบบนี้ยังเกิดอยู่ก็ไม่ต่างอะไรกับเรามีโจรสลัดในยุควิวัฒการคมนาคมเดินเรือค้าขาย หรือมีมาเฟียคอยเก็บค่าคุ้มครองร้านรวงต่างๆในยุควิวัฒการคมนาคมทางถนน มันกัดกินสังคมโดยที่เราไม่รู้ตัวนะครับ
สมัยก่อนใครจะไปเป็นนักข่าวนี่ภาพจะติดตาเลยว่าคนนี้มีอุดมการณ์ งานมันไม่ได้เงินมากแบบน่าสนใจอะไรแต่เขาต้องการทำหน้าที่นี้เพื่อสังคม
ทุกวันนี้ธุรกิจมันเยอะ สื่อถ้าไม่ปรับตัวฉีกตัวเองออกจากผู้ส่งข้อมูลที่ไม่รับผิดชอบทำให้ตัวเองเป็นเจ้ากรมข่าวลือ ไม่มีมาตรฐาน คุณก็ไม่ต่างอะไรจากเพจแชร์รูปพญานาคแล้วโชคดี กดไลค์แล้วได้บุญแหละครับ วันหน้าคุณจะเหลือพื้นที่หากินไหม
เงินนี่เขาเอาไว้ใส่ปากคนตาย ถ้าวิชาชีพสื่อไม่อยากเป็นอะไรแบบคนที่ตายแล้วเป็น ก็รีบบ้วนเงินในปากทิ้งเถอะครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น